ตอนที่ 11
“จำเป็นสิ เพราะเราต้องการความแน่ใจและคำยืนยันจากคุณ การทดลองทุกขั้นต้องไม่มีอะไรผิดพลาดร้อยเปอร์เซ็นต์”
สนธยาเลี่ยงไม่ได้ บอกให้ผู้ช่วยสองคนถอยออกมา เฮนรี่มองอย่างพอใจ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์เขาดัง พอรับสายก็ยิ้มร่าบอกว่า
“เยี่ยม! แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน...ได้เลย แกจับตาดูมันไว้ ฉันจะส่งเดชาไปลากคอมันมา”
เดชาหูผึ่งสนใจมาก ท่าทีกระเหี้ยนกระหือรือรอฟังคำสั่งหลังจากเฮนรี่วางสาย
“เจอไอ้ตัวปากสว่างแล้ว เอาตัวมันมา ฉันอยากคุยกับมัน”
“ครับ...คุณเฮนรี่”
ooooooo
ศรศิลป์พาแจ๊สมินมาที่ห้องลับใต้ดินแล้วให้แซนดี้คอมพิวเตอร์สมองกลทำงานให้อย่างเร่งด่วน ซึ่งใช้เวลาไม่นานแซนดี้ก็รายงานผลได้สมดังใจ
“ตรวจเช็กตามพิกัดที่ให้ไว้ พบตำแหน่งที่ตั้งฐานลับพรายดำแล้วค่ะ”
ศรศิลป์กับแจ๊สมินเข้ามามองดูอย่างตื่นเต้น “ยืนยันได้ไหม”
“ยืนยันค่ะ”
“ช่วยซูมเข้าไปดูใกล้ๆสิ”
ภาพหน้าจอชัดเจนขึ้น เห็นทั้งกองกำลังพรายดำที่กระจายอยู่พร้อมอาวุธและเฮนรี่กับบริวารที่ยืนเรียงราย รวมทั้งสนธยาที่กำลังทำงานของเธออยู่กับผู้ช่วยสองคน
“ใช่จริงๆด้วย”
แจ๊สมินเห็นแล้วทึ่งมาก “นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าพราน จอมภูตจะมีสุดยอดเทคโนโลยีแบบนี้”
“คิดจะสู้กับเสือ เราต้องมีเขี้ยวเล็บ สายตาและความว่องไวให้เหมือนกับเสือจริงไหมครับ”
“มิน่า ที่ผ่านมา พราน จอมภูตถึงเหมือนมี ตาทิพย์ รู้ทุกความเคลื่อนไหวของพรายดำมาโดยตลอด”
“ก็ไม่ทุกอย่างหรอกครับ อย่างน้อยก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมพยายามแค่ไหนก็ยังเจาะเข้าถึงข้อมูลไม่ได้ซะที”
“ตัวตนที่แท้จริงของวังเฟยหลงใช่ไหมคะ”
“ถูกต้องครับ”
“เรื่องนี้เป็นความลับสูงสุด ที่แม้แต่คนในองค์กรพรายดำเองก็ไม่มีใครรู้”
“บางทีวังเฟยหลงอาจเป็นใครบางคนที่เรารู้จัก หรือไม่เขาอาจไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลยก็ได้”
“ค่ะ แต่ไม่ว่ายังไง เราจะช่วยกันหาคำตอบให้ได้”
จู่ๆศรศิลป์ขอตัวหายไป เขามาซุ่มดูเดชากับลูกน้องไล่ล่าสมุนพรายดำคนที่โดนเค้นจนยอมบอกความลับฐานที่ตั้ง ซึ่งพรานแอบติดจีพีเอสไว้ที่ตัวมันก่อนปล่อยไป
เดชากับลูกน้องซ้อมมันจนอ่วมก่อนจะเอาตัวไปให้เฮนรี่ แต่มันไม่ยอมรับจึงโดนเฮนรี่จัดหนัก
จนในที่สุดก็ต้องสารภาพด้วยความกลัวสุดขีด
“ในที่สุดแกก็ยอมรับได้ซะที ทีนี้แกจะเอายังไงดี อยากตายแบบทีเดียวจอด หรือว่าตายช้าๆค่อยๆ ซึมซับความเจ็บปวดทรมาน”
“ขอปืนให้ผม ผมจะฆ่าตัวเอง”
เฮนรี่มองอย่างลังเล ก่อนส่งปืนให้ “ได้ ตามใจแก”










