ตอนที่ 5
ทั้งสองส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กระนั้นก็ยังไม่มีใครสนใจ พอลุงคนหนึ่งรับไปดื่มก็ดีใจ ปัทม์ถามนอบน้อมว่ารสชาติใช้ได้ไหมครับ ลุงบอกว่าแก้วนี้รสเปรี้ยวมากเสียหรือเปล่า ปัทม์รีบเอามาชิม
“เอ่อ...สงสัยจะเสียครับ ขอโทษครับ”
“จำไว้นะไอ้หนู ทำการค้าต่อให้แจกฟรี เอ็งก็ไม่ควรเอาของที่กำลังจะเน่าเสียมาแจกให้คนกิน เพราะคนเขาจะจำน้ำร้านเอ็งรสชาติแบบนี้”
ปัทม์ไหว้ทั้งขอโทษและขอบคุณลูกค้าอย่างจริงใจ
ชาวบ้านมารับแจกน้ำกระเจี๊ยบดื่มมากขึ้น บางคนก็กระเซ้าเย้าแหย่ประสาคนคุ้นเคย แต่บางคนก็ถามแรงหยอกแรงว่า สองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า พอปัทม์บอกว่าเปล่าก็เหน็บว่าดีแล้ว อย่าเป็นคนกินบนเรือนขี้รดหลังคา มันไม่ควร ปัทม์บอกว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้นกับน้อง
แต่พอเช้านี้ พอปัทม์กับหนูตุ่นเดินผ่านร้านกาแฟ ได้ยินลูกค้าในร้านกาแฟพูดมาเข้าหูว่า
“โรแมนติกจังเลยนะโว้ย เป็นลูกกะหรี่อยู่ดีๆ ข้ามขั้นไปเป็นลูกเขยครูซะแล้ว ฮ่าๆๆ” อีกคนถามว่าใคร คนนั้นตอบเสียงดัง “ลินจงไง!” แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะกันครื้นเครง
“พี่พูดแบบเมื่อกี๊อีกทีซิ” ปัทม์หยุดกึกแล้วเดินเข้าไปพูด หนูตุ่นพยายามดึงแขนปัทม์ไม่ให้เข้าไป แต่ชายสามคนยังคะนองปากพูดถึงลินจงอย่างดูถูกว่าทุกคนเคยมากันทั้งนั้น ซ้ำยังถามหยอกกันเองว่า “แกคงไม่ใช่พ่อมันใช่ไหม” แค่นั้นปัทม์ก็เกือบทนไม่ได้แล้ว ซ้ำอีกคนยังดูถูกว่า
“ลูกกะหรี่ ต่อให้แต่งตัวดียังไงมันก็เป็นได้แค่ลูกกะหรี่ ไม่ข้ามไปเป็นอย่างอื่นได้หรอก”
ปัทม์ทำท่าเหมือนจะเดินเลี่ยงไป ฉับพลันก็หันกลับต่อยเปรี้ยงเดียวคนปากเสียก็ร่วงไปวัดพื้น เพื่อนอีกสองคนพยายามแยกปัทม์ออก คนในร้านกาแฟตกใจเอะอะกันโวยวาย
เรื่องถึงโรงพัก คนปากเสียที่โดนต่อยให้การว่า ตนแค่แซวเล่นๆมันดันจริงจัง หนูตุ่นโต้ว่าตนรู้สึกว่าไม่ใช่แค่แซว ร้อยเวรถามว่าจะเอายังไง ชายปากเสียบอกว่า เห็นว่ายังเด็กแค่ไหว้ขอโทษตนก็จบ
“ว่าไง...ยอมไหม” ร้อยเวรถามปัทม์
“พี่ปัทม์ อย่าทำอย่างนั้น คนมันตั้งใจจะหาเรื่องมาด่าเราแล้วยังต้องไปขอโทษอีกเหรอ”
“ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบสิ” ชายปากเสียยืนยัน
“ครูไม่รู้ว่าใครเริ่มอะไรก่อน แต่เราทำให้เขาเจ็บยังไงเราเป็นฝ่ายผิด ขอโทษเขาซะ” เสียงครูอัญแทรกขึ้น ปัทม์ยืนนิ่งอย่างตัดสินใจ ครูอัญจึงยกมือไหว้ชายปากเสีย “ฉันขอโทษแทนเด็กๆแล้วกัน ขอโทษด้วย ฉันผิดเองที่สั่งสอนเขาไม่ดี”










