ตอนที่ 5
ฟังหนูตุ่นแล้ว ปัทม์หยิบมีดและกระปุกยาทิ้ง หนูตุ่นถามว่าทำไมมันเยอะอย่างนี้
“พี่แค่อยากแน่ใจว่าพี่ได้ตายจริงๆ” หนูตุ่นติงว่าทิ้งไว้แบบนี้เดี๋ยวคนมาเห็นเก็บไปฆ่าตัวตายอีกหรอก แล้วหนูตุ่นก็เก็บใส่ถุงไปทิ้งถังขยะ
ปัทม์ขอบคุณหนูตุ่นที่ช่วยชีวิตตนไว้ หนูตุ่นบอกว่าพี่เคยช่วยหนูตุ่นไว้ ปัทม์ถามว่า
“ถ้าพี่ไม่เคยช่วยหนูตุ่นไว้ล่ะ”
“ก็ปล่อยให้พี่ตายๆไปเลย...เราเจ๊ากันแล้วนะ”
ปัทม์มองหน้าหนูตุ่นบอกว่าเราคงต้องช่วยเหลือกันไปอีกนานเนอะ หนูตุ่นยิ้มพยักหน้า
พอดีครูอัญกับสมพรวิ่งเข้ามาในวัด ปัทม์มองผู้ใหญ่ทั้งสอง หนูตุ่นบอกให้ไปขอโทษน้าพรกับแม่เพราะพี่ทำให้เขาสองคนไม่สบายใจ
ปัทม์รีบไปกราบขอโทษสมพรกับครูอัญอย่างซาบซึ้ง ทั้งสามกอดกันกลม หนูตุ่นถอนใจยาวเหมือนตัวเองได้ทำภารกิจใหญ่บางอย่างสำเร็จแล้ว
นักข่าวที่มาสัมภาษณ์ถามตรีชวาว่าทำไมถึงมั่นใจว่าคุณปัทม์จะไม่คิดสั้นอีก
“คนอย่างเขาไม่ยอมจำนนกับอะไรง่ายๆ แต่ไม่ว่าหัวใจจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาอ่อนแอบ้าง จิตใจมันถึงจะแข็งแรงขึ้น”
“แล้วหลังจากนั้น คุณปัทม์ก็แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้เลยหรือคะ”
“ยังสิคะ นี่เพิ่งเป็นบทเรียนแรกๆของพี่ปัทม์เขา จากความอ่อนแออีกไม่รู้กี่ครั้งที่เขาต้องเผชิญค่ะ”
ตรีชวามองปัทม์ที่กำลังทักทายผู้มาร่วมงานอย่างมีชีวิตชีวา เหมือนคนมีไฟ มีพลังในการใช้ชีวิตต่อไป
ooooooo
ปัทม์ยังคงเล่าชีวิตในช่วงนั้นต่อไปจากความทรงจำ ราวกับเรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ
“ผมกับน้าพรอยู่ในภาวะเดียวกัน เรายังทำใจไม่ได้กับการจากไปของแม่ การที่ยังมีชีวิตอยู่ในบ้านที่แม่ถูกทำร้ายมันแวบเข้ามาในหัวเสมอ”
จนวันหนึ่งสมพรบอกปัทม์ว่าตนอยากย้ายออกจากบ้านนี้ปัทม์จะว่ายังไง ปัทม์บอกว่า “น้าพรไปไหนตนก็ไปด้วย เพราะถ้าเรายังอยู่ที่นี่ เราจะจมอยู่กับความสูญเสีย ภาพของแม่ตอนถูกทำร้ายจะวนเวียนมาหาเราทุกครั้ง...แล้วน้าพรคิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหนครับ”
สมพรไม่ตอบ แต่พาปัทม์ไปที่บ้านเดวิดในถนนเล็กๆแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ปัทม์ถามว่าน้าพรจะมาอยู่กับเดวิดที่นี่หรือ สมพรบอกว่าเราจะแต่งงานกัน เราจะอยู่ที่นี่สักพักแล้วจะหาที่สักแปลงทำไร่ทำสวนกัน บอกปัทม์ว่าเราจะอยู่ที่นี่กันก่อนนะ ปัทม์เกรงใจเพราะตนไม่ใช่ลูกหลาน สมพรบอกว่าแต่เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ เดวิดรู้ว่าปัทม์เป็นหลานน้าเขาก็รักปัทม์เหมือนกัน










