ตอนที่ 5
รสสุคนธ์ดีใจเมื่อทางบริษัทรับปัทม์เข้าทำงาน เย็นนี้ชวนปัทม์ไปฉลองที่เราจะได้ทำงานด้วยกัน ปัทม์ขอกลับไปอยู่เป็นเพื่อนน้าที่มาจากเชียงราย นัดวันหลังค่อยเจอกันและตนขอเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยตน
ทั้งรสสุคนธ์และปัทม์ต่างยิ้มมีความสุขที่จะได้ทำงานที่เดียวกัน
สองสามวันต่อมา สมพรจะกลับเชียงรายแล้ว บอกครูอัญว่าไม่ต้องห่วงตน แต่ฝากดูแลปัทม์ต่อด้วย ถ้าอยู่กับครูอัญตนก็สบายใจ ปัทม์ผ่านมาได้ยินจึงแอบฟัง
“ปัทม์ก็เหมือนเป็นลูกหลานคนเดียวของฉันพอเดวิดตายฉันก็ไม่เหลือใครแล้ว คนเรานะ...จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยังไงก็ฝากครูด้วยนะ”
วันต่อมาปัทม์ไปพบผู้บริหารบริษัท ผู้บริหารแสดงความยินดีที่ปัทม์จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทถามว่าปัทม์จะมาทำงานได้เมื่อไหร่ ปัทม์บอกว่าพอเรียนจบก็เริ่มได้เลย
วันนี้ที่บ้านครูอัญกินข้าวเลี้ยงส่งสมพรกลับเชียงรายกัน หนูตุ่นเลียบเคียงถามปัทม์เรื่องไปสัมภาษณ์งานว่าเป็นยังไงบ้าง ปัทม์บอกว่าเรียบร้อยดี หนูตุ่น ครูอัญและปัทม์คุยเรื่องปัทม์ได้งานอย่างมีความสุขกันจนสมพรรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกิน ยิ่งคิดยิ่งเศร้าเมื่อตัวเองต้องกลับไปอยู่เชียงรายอย่างโดดเดี่ยว
และคืนนี้เองปัทม์ที่ยังคิดเครียดเรื่องน้าพรต้องไปอยู่คนเดียวเดินออกจากห้อง ได้ยินเสียงร้องไห้จึงตามไปฟัง ได้ยินเสียงน้าพรร้องไห้จริงๆ ปัทม์หน้าเครียดและแล้วก็เหมือนตัดสินใจอะไรได้
รุ่งขึ้นปัทม์ไปที่บริษัทบอกกับผู้บริหารว่าตนขอสละสิทธิ์คิดว่าตนยังไม่พร้อมที่จะทำงานนี้ ผู้บริหารไม่พอใจว่าอยู่ๆก็ลังเลทำให้พวกตนเสียเวลาและคนอื่นเสียโอกาส
“ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ ถ้ามีโอกาสผมจะขอมาทำงานที่นี่นะครับ”
ปัทม์วันนี้...บอกกับนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ว่า...
“ผมไม่มีโอกาสกลับไปทำงานที่นั่นตามที่พูด เพราะความคิดเรื่องกตัญญูที่แว่บเข้ามาในหัวได้สร้างโอกาสในชีวิตผมอีกรูปแบบหนึ่ง”
การตัดสินใจครั้งนี้ของปัทม์ทำให้ความสัมพันธ์กับรสสุคนธ์สะบั้นลง เธอไม่พอใจที่ปัทม์ทำให้เสียหน้า ปัทม์ขอโทษแต่ยืนยันว่าตนคิดดีแล้ว รสสุคนธ์ด่าว่า “ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆแบบนั้น ไม่ปรึกษากันก่อนเลย”










