ตอนที่ 12
“ฉันไม่สนว่าไอ้หนังเสือนั่นมันจะสำคัญยังไง แต่ฉันต้องการที่สุดคือให้ไอ้ตะวันตายไปซะ ไปบอกเสือคล้อยฉันรับข้อเสนอ ฉันมีวิธีที่จะเอาของออกมาจากบ้านนั้นได้แน่”
อรรถมั่นใจเพราะคิดจะยืมมือเจนจิตนั่นเอง
เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องส่วนตัว อรรถจึงเอาอกเอาใจเธอเป็นพิเศษด้วยการปรนเปรอให้ความสุขก่อนจะมอบหมายงานสำคัญนี้ให้เธอไป
ooooooo
หลังจากรับปากสวัสดิ์ไว้แล้ว ตะวันรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ถวิลสงสารและห่วงใยลูกชาย เปรยกับสามีว่าได้เวลาที่เราต้องไปจากที่นี่แล้วจริงๆ
“ถ้าไม่ไปจากที่นี่ทุกอย่างก็จะมีแต่แย่ลง ตัวข้าไม่ห่วง ห่วงแต่ตะวันกับเอ็งเท่านั้นแหละถวิล”
“แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะพี่”
“ถ้าแผ่นดินไทยมันอยู่ยาก ก็ข้ามฟากไปอยู่ฝั่งโน้นเลยดีกว่า ข้าพอมีที่ทางบ้าง ห่วงแต่เอ็ง เอ็งเป็นคนไทยไปอยู่ฝั่งนั้นคงปรับตัวยากแน่”
“สำหรับฉันไม่ว่าที่ใดในโลก ขอให้มีเพียงพี่กับลูกอยู่ข้างๆ ฉันก็อยู่ได้จ้ะ”
“แต่คนที่น่าเป็นห่วง ก็ลูกชายเราสินะ”
“ฉันห่วงที่สุดคือหัวใจของเขามากกว่า ฉันไปคุยกับลูกก่อนนะ”
ถวิลผละไปหาตะวันที่ยืนมองบ้านหลังเก่าอย่างอาวรณ์ โดยสองแม่ลูกไม่รู้ว่ามุมหนึ่งอูซานจับตามองด้วยความแค้น
“ตะวัน...แม่รู้สึกใจหายยังไงไม่รู้ ถ้าต้องทิ้งบ้านหลังนี้ไปจริงๆ”
“ถ้าฟ้าลิขิตให้เป็นแบบนี้ มันก็ต้องเป็นแบบนี้นะแม่”
“งั้นแม่ขอขึ้นไปดูเผื่อมีอะไรเอาไปได้บ้าง”
“ครับ งั้นผมขอไปดูแถวๆนี้สักครู่นะ”
สองแม่ลูกแยกกันไปคนละทาง อูซานฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ปลอมเป็นตะวันให้ถวิลเห็นแล้วจะหาทางฆ่าให้ตาย แต่พลันหลวงพ่อที่ตะวันเคารพนับถือปรากฏตัว
“อาตมาขอบิณฑบาตเถอะนะโยม”
“แกมาเกี่ยวอะไรด้วย” อูซานตะคอก
“อย่าก่อกรรมไปมากกว่านี้เลยโยม ก่อกรรมมากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้ชีวิตจมอยู่ในหลุมแห่งกงกรรม ต้อง ชดใช้กันไม่จบไม่สิ้น”
“ข้าไม่สน แล้วกรรมที่พวกมันทำกับข้ามีใครมาชดใช้บ้าง”
“วิถีกรรมนั้นไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น อยู่ที่ช้าหรือเร็ว โยมควรที่จะพอได้แล้ว กรรมที่โยมก่อตอนนี้มากมายจนชดใช้กี่ภพกี่ชาติถึงจะหมด ปล่อยวาง ละเว้น แล้วหยุดเถอะโยม”
“ข้าไม่หยุดจนกว่าจะได้แก้แค้น หลบไป ถ้าไม่หลบข้าจะจัดการแกอีกคน”










