ตอนที่ 15
“ตัวต้นเหตุอย่างขุนสักทำไมดูเหมือนไม่ได้รับกรรมอะไรเลยล่ะพี่โมก”
“พูดไปก็หาว่าเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน แต่ขุนสักเขามีแต่ความรักนะ รักคนนั้น รักคนนี้ ถึงเขาจะหลายใจแต่ถ้าผู้หญิงไม่รักตอบมันก็จบ”
“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันจริงๆด้วย”
“พี่พูดตามหลักความจริงเหมือนอย่างที่บัวเคยสอนพี่ตลอด...ใครร้ายกับเรา เราก็ไม่เห็นต้องร้ายตอบ รู้ว่าเขาไม่ดี เราก็ตัดกรรมไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขามันก็จบ เรื่องของพี่กับสองพวงก็เหมือนกัน”
แววตาของโมกสลดลงเมื่อคิดถึงพวงแสดกับพวงชมพู ก่อนถอนใจปลงๆ “แต่เชื่อพี่เถอะ...ไม่มีกรรมไหนหรอกที่ไม่เกิดผล คนเราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ มันต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำสักชาติแหละ”
“เหตุนี้เขาถึงบอกให้เราทำกรรมดีเยอะๆ เพราะบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป มันหักล้างกันไม่ได้ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือทำกรรมดีเพื่อหนีกรรมชั่ว ให้กรรมชั่วมันตามเราไม่ทัน”
“ยังไงคนเราต้องได้รับผลที่ตัวเองทำเสมอ... แม้กระทั่งพี่ ถึงพี่จะอยากบวชอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแต่ก็ใช่ว่าเวรกรรมที่พี่ทำจะปล่อยพี่ไป วันใดที่กรรมตามทัน กรรมมันทำงาน พี่ก็ต้องรับกรรมเหมือนกัน”
โมกเข้าพิธีบวชหลายวันต่อมา คุณเทียน ใบบัวและสนมาร่วมพิธี สีหน้าใบบัวเศร้าซึมจนสนอดสงสารไม่ได้ อาสาจะช่วยดูแลตามที่รับปากโมกไว้
ใบบัวพยักหน้ารับ น้ำตาคลอเมื่อคิดถึงชะตากรรมของโมก “บัวกลัวพี่โมกจะบวชไม่สึก แต่ถ้าพี่โมกจะบวชไม่สึกจริงๆบัวก็ควรยินดีที่พี่โมกได้สั่งสมบารมีบุญ บัวเองก็จะได้รับกระแสแห่งบุญนั้นด้วย”
สนเสนอตัวเป็นพี่ชายอีกคน ใบบัวยอมรับด้วยความเต็มใจและชวนเขาไปทำบุญด้วยกัน
“เราทำบุญกันนะคะ บัวอยากทำบุญให้กับตัณหัฏฏิตเปรต”
คุณเทียนที่นั่งฟังอยู่ด้วยนิ่วหน้า ใบบัวจึงอธิบายเสียงอ่อน
“ตัณหัฏฏิตเปรต...คิือเปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดความทุกข์ ต้องหิวข้าวหิวน้ำตลอด คนที่มีความทะยานอยาก มีความต้องการ ความใคร่ในกาม ผิดลูกผิดเมียเขา...ตายไปจะต้องเป็นเปรตชนิดนี้ค่ะ”
ooooooo
พระจันผาเดินนำพระโมก....พระบวชใหม่มายังกุฏิที่พักในคืนเดียวกัน พร้อมเตือนให้มีสติหากเกิดอะไรขึ้น...
“เวลาอยู่ที่นี่สติสำคัญที่สุด ให้มีสติตามรู้ รู้คือรู้ เห็นคือเห็น อย่าปรุงแต่งอารมณ์”
พระโมกนิ่วหน้า “มีอะไรเหรอครับ”
“ไม่ได้มีอะไร...ก็มีไตรลักษณ์ อนิจจา ทุกข์ขัง อนัตตา...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จำไว้...สักแต่ดู สักแต่เห็น สักแต่รู้ แต่อย่าปรุงแต่งจิต เขาขอก็แผ่ส่วนกุศลให้...ไม่ต้องกลัว”
พระจันผากลับกุฏิของตนไปแล้ว ทิ้งพระโมกให้มองตามพลางคิดถึงคำพูดทิ้งท้ายของอีกฝ่าย
“เขาที่จะมาให้เราเห็นคือใครครับ”
“สัตว์จำพวกหนึ่งที่เกิดในอบายภูมิ พวกเขาทำกรรมหนัก จิตเต็มไปด้วยอกุศลกรรมจึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารไม่ได้ไปผุดไปเกิด จำไว้ ...สักแต่ดู สักแต่เห็น สักแต่รู้ แต่อย่าปรุงแต่งจิต”
พระโมกแอบกลัวเล็กน้อยตามประสาพระใหม่ แต่ก็พยายามตั้งสติเดินจงกรมทำสมาธิ ไม่หวั่นไหวต่อเสียงลมพัดแรงและเสียงประตูหน้าต่างกระแทกผนัง และทันใดนั้นเอง...พระโมกก็ได้เห็นมือมากมายของเหล่าเปรตอสุรกายโผล่มาตามร่องพื้นกระดานเพื่อแย่งชิงอาหารในกระทงถวายพระอย่างตะกรุม ตะกราม
ใบหน้าของเหล่าเปรตนั้นคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แล้วพระโมกก็เห็นว่าสองในนั้นก็คือ
ขุนสักกับชบา!
พระโมกข่มใจแผ่เมตตาให้เหล่าเปรตตลอดคืน กระทั่งเช้าวันต่อมาทุกอย่างก็เงียบสงบ พร้อมกับที่คุณเทียนกับใบบัวหอบข้าวปลาอาหารมาถวายและช่วยกันกวาดลานหน้ากุฏิ
คุณเทียนรู้สึกเมื่อยตัวอย่างบอกไม่ถูก ใบบัวคิดว่าคงเพราะไม่ชิน แต่ไม่นานได้รู้สาเหตุแท้จริงเมื่อก้มไปเห็นเปรตขุนสักกับเปรตชบาเกาะแข้งเกาะบ่าคุณเทียน ใบบัวหน้าซีด ต่างจากพระโมกที่มองมาอย่างสงบ
“เขาแค่มาขอส่วนบุญ เรามีบุญก็แผ่เมตตา ทำบุญให้เขาไป”
พูดจบก็ผละไป ทิ้งคุณเทียนให้ยืนตัวสั่น ในหูเหมือนได้ยินเสียงขุนสักกับชบามาร้องขออโหสิกรรม ใบบัวได้แต่ยืนมองปลงๆ...ได้แต่หวังและภาวนาให้คุณเทียนหมดทุกข์หมดโศกและหมดเวรหมดกรรมโดยเร็วที่สุด
ooooooo
-อวสาน-
Powered by Froala Editor










