ตอนที่ 10
“ฝันไปเถอะ ไอ้ขี้ครอก” ภุมวารีแว้ดใส่
“หรือแกอยากจะตายใช้หนี้” นักเลงตวาดภุมวารีแล้วหันไปที่ทินกร “ไอ้แก่นี่มันบอกว่าตัวเองเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ แล้วเมียแกก็เป็นลูกเศรษฐี อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อว่าพวกแกไม่มีเงิน จ่ายหนี้มาก่อนที่ฉันจะรอไม่ไหว”
ภุมวารีถูกปล่อยตัว เดินพรวดพราดเข้าห้องโดยมีทินกรตามหลังมาติดๆ เธอไม่ได้จะมาเอาเงินทองไปใช้หนี้แทนพ่อผัว แต่ชวนภาสกรหนีไปด้วยกัน
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“พ่อคุณนำความเดือดร้อนมาให้พวกเรามากเกินไปแล้ว ปล่อยให้เขารับผิดชอบเอาเองเถอะค่ะ” ภุมวารีเปิดหน้าต่างหันรีหันขวางเตรียมจะหนี แต่ภาสกรดึงไว้
“เราเอาตัวรอดกันแค่สองคนไม่ได้นะคุณผึ้งแล้วน้องชายผมล่ะ ไหนจะคุณขวัญเรือนอีก”
“ผึ้งไม่ได้หนีตามคุณมาเพื่อจะต้องมารับภาระพวกนี้นะคะ”
ภาสกรสะอึกกับคำพูดของภรรยา แต่พยายาม เกลี้ยกล่อม “นี่คือครอบครัวของเรานะครับคุณผึ้ง เราทิ้งเขาไปไม่ได้ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ ผมขอร้องล่ะครับคุณผึ้ง ช่วยคุณพ่อผม...ครั้งนี้ถือว่าผมกู้ยืมคุณก็ได้ ผมสัญญาว่าจะหาเงินมาใช้คืนคุณ”
ภุมวารีใจอ่อนอีกตามเคย เธอรักภาสกรมากจนทิ้งเขาไปไม่ได้
ooooooo
ชายใหญ่กับนวลอาศัยบ้านแม่ลูกคู่หนึ่งค้างคืน ป้าใจดีหาข้าวปลามาให้กิน แต่ในระหว่างกินข้าวอยู่นั้น ลูกชายวิ่งมาบอกแม่ว่าวัวท้องแก่น้ำคร่ำแตกสองชั่วโมงแต่ยังไม่ตกลูกเสียที
ป้าตกใจกลัววัวตายทั้งแม่ทั้งลูกจะรีบไปดู นวลขอไปด้วยเผื่อจะช่วยอะไรได้ ปรากฏว่าเธอทำคลอดให้วัวได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ ชายใหญ่งงและทึ่งว่าเธอทำได้ยังไง ไปเรียนมาจากไหน
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่รู้ว่าเรียนมาจากไหน คุณชายจะเชื่อไหมล่ะคะ”
“คุณไม่เคยเรียน แล้วคุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ท่าทางคุณออกจะคล่องแคล่ว ให้ผมล้วงเข้าไปในก้นวัวแบบนั้น ผมยังไม่กล้าเลย”
“มีหลายเรื่องที่ฉันบังเอิญทำได้ ทั้งที่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารู้มาจากไหน”
“ผมว่าคุณต้องเคยไปเลี้ยงวัวที่ไหนมาแน่ๆเลย แค่คุณจำไม่ได้”
“คงงั้นมั้งคะ” นวลพูดจบก็หย่อนตัวลงน้ำเพื่อชำระคราบเลือดวัว แต่ฉับพลันได้ยินเสียงเรียกนวลดังหลายครั้ง พอเพ่งมองคนตรงหน้าซึ่งคือชายใหญ่แต่เห็นเป็นจักร เธอสะดุ้งตกใจจนชายใหญ่ถามว่าเป็นอะไร “เปล่าค่ะ เมื่อกี้ฉันเหมือนเห็นคุณชายเป็นคนอื่น ก็เลยตกใจ”
นวลรีบขึ้นจากน้ำเดินกลับบ้านอย่างใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง...
คืนเดียวกันที่บ้านเช่าของภุมวารี...ภานุโรจน์กับขวัญเรือนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่นักเลงทวงหนี้เล่นงานทินกร แต่สองคนก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อทินกรเข้ามาในสภาพเนื้อตัวฟกช้ำดำเขียว แน่นอนว่าสองคนต้องสงสัย ภานุโรจน์เดาว่าพ่อโดนทวงหนี้อีกตามเคย ส่วนขวัญเรือนไม่ถามอะไร เลี่ยงออกจากห้องไปหายามาให้ทา
พอพยาบาลสาวคล้อยหลัง ภานุโรจน์ก็ตำหนิพ่อ “ไหนคุณพ่อบอกว่าจะเลิกเข้าบ่อนไปค้าขายไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไม...”
“ทำมาค้าขายมันได้กำไรง่ายๆที่ไหนล่ะโว้ยเจ้าโรจน์ พ่อไม่มีฝีมือเลยโดนโกงเอา พอสิ้นเนื้อประดาตัวมันจะทำอะไรได้ ความรู้อะไรก็ไม่มี สุดท้ายมันก็ต้องหันหน้าไปพึ่งน้ำเต้าปูปลานี่แหละวะ”
“แต่การพนันมันไม่ทำให้ใครรวยนะครับคุณพ่อ”
“ชะ! เอ็งนี่มันอายุเท่าไรวะ ทำมาเป็นสอนพ่อ”
“ผมเป็นห่วงคุณพ่อ แล้วผมก็ไม่อยากให้พี่ภาสเดือดร้อนเพราะโดนใครก็ไม่รู้มาทวงหนี้”
“เออ รู้แล้วน่า ถ้าพี่แกมีน้ำใจให้พ่อเอาเงินไปทำทุนต่อ พ่อก็จะไม่โผล่หน้าไปให้พวกมันเห็นแล้วล่ะ ว่าแต่แม่คนนั้นพยาบาลส่วนตัวแกหรือ”
“ครับ พี่ภาสจ้างมาดูแลผมเวลาไม่มีคนอยู่บ้าน”
“แสดงว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้มันมีเงินทองเยอะก็ดีสิวะ” ทินกรยิ้มกริ่ม มีแผนจะตักตวงจากลูกชายลูกสะใภ้อีก
อีกห้องหนึ่ง ภาสกรพยายามเอาใจภุมวารีด้วยการกอดจูบ แต่เธอโกรธมากเรื่องเมื่อหัวค่ำจึงไม่มีอารมณ์พิศวาส นอนหันหลังให้แล้วคลุมโปงไม่พูดไม่จา
ooooooo










