ตอนที่ 10
ชายใหญ่วางภรรยาบนเตียงนอน ภัทรยศยืนดูอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก แนะนำให้พาไปหาหมอ แต่ชายใหญ่พิจารณาดูแล้วเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร
จังหวะนี้นวลลืมตาขึ้นพอดี ถามงงๆว่า ตนกลับมาที่นี่ได้ยังไง
“อ้าว ก็นั่งรถผมมาสิครับ คุณผึ้งทำไมถามแปลกๆอย่างนั้น”
“เปล่านะคะ ฉันหลงกับคุณชาย แล้วฉันก็ไปเจอ...” นวลจะพูดเรื่องภาสกร แต่เปลี่ยนใจเว้นไว้แค่นั้น
“แล้วเราก็เจอกันที่หน้างานวัด ผมก็เลยพาคุณกลับมาไง”
“พอถึงบ้าน คุณผึ้งก็วิ่งออกไปที่ชายหาด พวกผมตามหาตัวกันแทบแย่ คุณผึ้งจำไม่ได้เหรอครับว่าตัวเองไปสลบอยู่ที่หน้าหาด”
“สลบเหรอคะ” นวลยิ่งงงหนัก ชายใหญ่เห็นแล้วตัดบท
“ผมว่าคุณพักผ่อนก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งคิดอะไรให้วุ่นวายเลย คุณอาจจะกำลังขวัญเสียอยู่”
ชายใหญ่ห่มผ้าให้เธอแล้วปิดไฟก่อนจะออกจากห้องพร้อมภัทรยศ แต่นวลไม่ยอมนอน...ลืมตาโพลงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่งานวัด สงสัยเหลือเกินว่า “ผู้ชายคนนั้น...หม่อมหลวงภาสกรพาเรามาส่งที่นี่เหรอ”
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ขวัญเรือนเก็บสัมภาระเตรียมกลับพระนครตามความประสงค์ของภาสกร เมื่อป้าถามว่าทำไมรีบกลับ ไหนว่าจะอยู่อีกคืน หญิงสาวเดาว่าภาสกรคงเกรงใจภรรยา
“เฮ้อ สงสารคุณภานุโรจน์นะ เพลินได้ไม่ทันไรก็ต้องกลับบ้านซะแล้ว”
ภาสกรเข้ามาได้ยินเสียงบ่นของป้า รีบบอกว่าตนจะพาน้องชายกลับมาเที่ยวที่นี่ใหม่แน่นอน ถ้าป้าไม่รังเกียจ
“อุ๊ย ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ดีซะอีก มากันเยอะๆ ป้าจะได้ไม่เหงา งั้นเดี๋ยวกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปนะคะ”
“เดี๋ยวขวัญไปช่วยดูค่ะ”
สองป้าหลานเดินผละไปในครัว ภาสกรมองตามขวัญเรือนอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เธอหมดสนุกไปด้วย ทันใดนั้นได้ยินเสียงแตรรถดังหน้าบ้าน ภาสกรเดินออกไปคุยกับคนขับรถที่เดินมาถามเส้นทางเพื่อหาบ้านหลังหนึ่ง
“บ้านเลขที่ถัดจากนี่ไปแค่สองหลังนี่ครับ น่าจะอยู่ตรงนั้น” ภาสกรชี้มือไปแล้วชะงัก เพราะเป็นบ้านที่ภุมวารีบอกว่านวลกับชายใหญ่อยู่
“รู้เรื่องหรือยังตาพัน ถ้าไม่รู้ก็ไปถามคนอื่นเสียเวลา” เสียงแหลมๆนั้นดังมาจากในรถ ภาสกรก้มมองแล้วตกใจ เพราะเจ้าของเสียงคือหญิงเล็ก
ต่างฝ่ายต่างเห็นกันเต็มตา หญิงเล็กเรียกชื่อภาสกรอย่างแตกตื่น ภาสกรไม่รอช้าถอยเข้ารั้วบ้านแล้วล็อกแน่นหนา ก่อนวิ่งหนีเข้าบ้านมาบอกภุมวารีว่าอย่าเพิ่งออกไป หญิงเล็กกับเพื่อนนั่งรถมาที่นี่และเห็นตนแล้ว
“บ้าจริง” ภุมวารีสบถอย่างอารมณ์เสีย
“สองคนนั่นมาตามหาบ้านพักคุณชายใหญ่ เราต้องรีบไปจากที่นี่แล้วล่ะครับ”
ส่วนหญิงเล็กเข้าบ้านไม่ได้ ยืนชะเง้อคอยาวครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาขึ้นรถอย่างหงุดหงิด
ooooooo
นวลออกมาเดินริมชายหาด ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืนอย่างค้างคาใจ...ส่วนภัทรยศเพิ่งตื่นนอนเดินหาวลงมาจากชั้นบน พอแหวกม่านออกเห็นดาริกาก็สะดุ้งตกใจร้องลั่นว่าผีหลอก
“ผีบ้าอะไรล่ะ เปิดประตู” ดาริกาแผดเสียงพร้อมทุบประตู ภัทรยศได้สติรีบเปิดรับ พอดีกับที่ชายใหญ่เดินมาจากหน้าบ้าน
“หญิงเล็ก น้องดาว...ไหนนายบอกไม่ให้ฉันบอกใครว่าเราอยู่ที่นี่ แล้วนายบอกเหรอ”
“ผมเปล่านะ กำลังจะถามคุณชายอยู่เหมือนกันเนี่ย”
หญิงเล็กยิ้มเยาะสองหนุ่ม พูดเย้ยว่าพี่ชายใหญ่ห้ามไม่ให้คนในไร่เปิดปาก แต่ลืมห้ามพ่อของภัทรยศหรือเปล่า ดาริกาเสริมว่าตนให้คุณป๋าโทร.กริ๊งเดียวก็ได้คำตอบแล้วว่ามาอยู่กันที่นี่...ภัทรยศฟังแล้วหน่าย คาดไม่ถึงว่าสองสาวจะมีความพยายามขนาดนี้
“ใจคอจะมาเที่ยวกันโดยไม่นึกถึงเราสองคนเลยเหรอคะพี่ชายใหญ่ ขอดาวกับหญิงเล็กมาพักผ่อนด้วยคนนะคะ” ดาริกาเกาะแขนชายใหญ่อ้อนๆ
ชายใหญ่ลำบากใจ แต่ไม่กล้าหักหน้าผู้หญิง บอกว่า ต้องแล้วแต่ภัทรยศซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
“งั้นฉันว่าคุณก็คงต้องตามใจคุณพ่อของคุณนะ เพราะท่านอนุญาตให้ฉันมาพักที่บ้านนี้” ดาริการวบรัดหน้าตาเฉย ภัทรยศค้านไม่ออก ส่วนหญิงเล็กกวาดตารอบบริเวณบ้าน ถามหาพี่สะใภ้ว่าอยู่ที่ไหน
“คุณผึ้งออกไปเดินเล่นที่ชายหาด”
“แน่ใจเหรอคะ” พูดแล้วหญิงเล็กยิ้มมีเลศนัย...










