ตอนที่ 10
ดาริกากลับมานั่งเซ็งที่หน้าบ้าน ภัทรยศตามมาแขวะว่าอุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่ สุดท้ายก็มาเป็นส่วนเกินอยู่ดี
“ถ้าจะมากวนประสาทกัน ไปให้พ้นเลยนะ ฉันไม่อยากฟัง หน้าคุณฉันก็ไม่อยากเห็น”
“อ้าว ก็นี่มันบ้านผมนะครับคุณ จะไล่ผมไปไหนได้ไง ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม คุณก็กลับไร่ไปสิ”
“ถ้าฉันกลับ พี่ชายใหญ่ก็ต้องกลับด้วย”
“คุณยังไม่เห็นอีกเหรอว่าคุณชายเขาพยายามหนีคุณสองคนอยู่ นี่ก็ถึงขนาดต้องพาเมียไปเที่ยวที่อื่น ถ้าเป็นผมนะ ยอมรับความจริงไปตั้งแต่เขาไม่เลือกคุณเป็นเจ้าสาวแล้ว เพราะมาถึงขนาดนี้ นอกจากชายใหญ่จะไม่เลือกคุณแล้ว เขายังพยายามเขี่ยทิ้งอีกต่างหาก”
“ฉันไม่อยากฟัง ถ้าคุณไม่หยุด ฉันจะเอาทรายยัดปากจริงๆด้วย” ดาริกากำทรายขึ้นมาขู่ ภัทรยศถอยหนีแต่ไม่วายตอบโต้ก่อนเดินหนีไป
“ทำอย่างกับผมอยากเสียเวลาพูดกับคนหัวทึบอย่างคุณ ให้สติไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า”
ooooooo
ภาสกรขับรถมาจอดที่ตลาดองค์พระจังหวัดนครปฐม ขวัญเรือนประคองภานุโรจน์ลงไปก่อน แต่ภุมวารียังนั่งหน้างอในรถ บ่นกระปอดกระแปดว่าอีกนิดเดียวจะถึงพระนครอยู่แล้ว ทนสักหน่อยก็ไม่ได้
“ได้เวลานายโรจน์ต้องทานอาหารก่อนทานยานี่ครับ”
“แต่คุณก็รู้ว่าเราไม่ควรมาแถวนี้”
“คงไม่มีอะไรหรอกครับ ปกติพ่อคุณก็คงไม่ได้มาทำอะไรที่ตลาดอยู่แล้ว ใครจะมาเห็นเรา”
“ขนาดไปถึงเพชรบุรียังไปเจอนังนวลได้ ผึ้ง
ไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นแหละ ผึ้งไม่ไปก็แล้วกัน ถ้าคนในร้านอาหารเห็นเราด้วยกันจะเป็นเรื่องเอา”
“งั้นผมจะซื้อมาฝากนะ”
ภุมวารีเมินไม่พูด ภาสกรลงจากรถไปหาขวัญเรือนกับภานุโรจน์แล้วเดินหายไปในตลาด
มุมหนึ่งในตลาด เพียงธารร้องขายห่อหมกซึ่งเหลือน้อยเต็มที ชาติเดินกลับมาเห็นทักว่าขายดีแบบนี้อีกหน่อยไม่ต้องเอาปลามาขายตลาดเองแล้ว เอาไว้ทำห่อหมกขายอย่างเดียว
“มากไป แค่นี้ฉันก็อยู่หน้าเตาจนจะสุกไปทั้งตัวแล้ว ช่วยกันคนละไม้ละมือสิพี่ชาติ อย่ามาล้มทับกัน”
“ข้าพูดเล่น...แล้วนี่ไอ้มิ่งกับไอ้จักรมันไปเถลไถลที่ไหน”
“คงไปเก็บค่าปลาที่หน้าตลาดน่ะพี่ นี่อย่ายืนเฉยๆ ช่วยกันเรียกลูกค้าหน่อย ขายหมดจะได้กลับ”
สองคนช่วยกันเรียกลูกค้า ส่วนจักรอยู่หน้าตลาดเก็บเงินค่าปลาจากแม่ค้าแล้วเดินออกมา สายตาสะดุดที่รถยนต์คันหนึ่ง
ภุมวารีนั่งกระสับกระส่ายในรถที่เปิดกระจก แต่รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหวจึงเปิดประตูออกมายืนรอข้างรถ
“ไม่รู้จะเสวยอะไรกันนักกันหนา ช้าจริง” บ่นเสร็จเธอหยิบแว่นมาใส่แล้วจะเดินไปตามที่ร้าน แต่จู่ๆได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
“นวล...”
ภุมวารีหันขวับกลับมามองชายหนุ่มเจ้าของเสียงนั้นอย่างงงๆ ถอดแว่นตาออกพร้อมถามเสียงแข็ง
“นายว่าอะไรนะ”
จักรเห็นหน้าเธอเต็มตา ยิ้มกว้างด้วยความดีใจปรี่เข้าถึงตัว “นวลจริงๆด้วย นวลกลับมาตามหาพี่ใช่ไหม”
“ไอ้บ้า!” ภุมวารีผลักไส ตบหน้าเขาดังฉาดแล้วด่าอย่างหยาบคาย “แกกล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉันไอ้คนชั้นต่ำ”
“ทำไมนวลทำกับพี่แบบนี้ การที่นวลไปแต่งงานกับผู้ลากมากดี มันทำให้เราอยู่กันคนละชั้นแล้วงั้นเหรอ ...ใช่สิ ตอนนี้นวลเป็นเมียเจ้า ส่วนพี่มันเป็นคนธรรมดา แต่ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะนวล หรือว่าตลอดมานวลไม่เคยเห็นพี่เป็นคนในครอบครัวเลยจริงๆ”
ภุมวารีไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายตัดพ้อ แต่พอปะติดปะต่อคำพูดได้ก็ตะลึงพรึงเพริด นึกได้ว่าชายคนนี้น่าจะเป็นสามีของนวล...ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เขาวุ่นวายกับเธออีก
“ใช่ ฉันมีครอบครัวใหม่แล้ว อดีตมันก็คืออดีต เราสองคนถือว่าเดินกันคนละทาง ลืมซะให้หมด ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก”
“นี่หรือคือสิ่งที่พี่ได้รับจากการรอคอย จากการพลิกแผ่นดินตามหานวลจนแทบบ้า พี่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นห่วงนวลว่าจะเป็นอันตราย แต่นวลกลับมาตัดขาดพี่”
“แกน่าจะเข้าใจนะว่าถ้าฉันมีโอกาสที่ดีกว่า ฉันก็ต้องไป ใครจะอยากอยู่ตกระกำลำบากกับคนอย่างแกไปตลอดชีวิต แกมันโง่เองที่ยังกระเสือกกระสนตามหาฉัน”










