ตอนที่ 15
โรมบ่นอุบน้าเกรซถามแบบนั้นใครจะไปตอบได้ วาสนาเดาใจเขาออกนี่เขากำลังนึกถึงพี่ชายตัวเองใช่ไหม
“ครับ...ถ้าห้ามพี่ผมได้ ผมจะห้ามไหม”
“เชื่อฉันสิเราต่างก็รู้คำตอบนี้ดี เพียงแต่คุณอาจจะไม่กล้าตอบ ฉันจะไม่ห้ามลุงจันและคุณก็จะไม่ห้ามพี่ชายคุณ เราไม่ห้ามเพราะรู้ดีว่าห้ามไม่ได้ ต่อให้พวกเขารู้ตัวว่าต้องตายเขาก็จะทำแบบเดิม”
“พวกเขาเป็นคนแบบเดียวกัน มีหัวใจแบบเดียวกัน” โรมกำหมัดตบไปที่อกข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัว วาสนามั่นใจว่าจิ๊บก็เป็นแบบเดียวกับลุงจันและพี่ชายของเขา ดังนั้นเขาไม่ควรโทษตัวเอง ไม่ควรเสียใจที่เธอเป็นแบบนี้ ควรจะภูมิใจในตัวเธอ โรมคิดคล้อยตามคำพูดของเธอ
“คุณพูดถูก ขอบคุณมาก”...
ระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถ โรมตัดสินใจขอร้องวาสนาให้อยู่ห่างๆจากพวกไป่หลง ไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปอีกคน เธอเสียงเขียวใส่ทำไมถึงขอร้องอะไรแบบนี้ หากเธอเป็นอะไรไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา
“ถ้าคุณอยากได้คำตอบ บางทีพรุ่งนี้ผมอาจจะบอกคุณ แต่วันนี้ผมขอให้คุณรับปากผมอย่ายุ่งกับไป่หลง”
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันก็มีเรื่องขอร้องแลกเปลี่ยนเหมือนกัน ฉันก็อยากให้คุณอยู่ห่างจากเรื่องของไป่หลงเช่นกัน”
โรมยินดีทำตามที่เธอร้องขอ จริงๆเขาเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับพวกมันอยู่แล้ว เธออยากได้ยินคำพูดที่ชัดเจนจะได้วางใจได้ ไม่พูดเปล่าเดินเข้าไปจับแขนเขา แอบหย่อนตัวแทร็กเกอร์ใส่กระเป๋าเสื้อของโรมอีกด้วย เขารับปากหนักแน่นว่าโรม ฤทธิไกร จะไม่ยุ่งเรื่องของไป่หลงเลยแล้วขอให้เธอทำแบบเดียวกัน
“ฉันวาสนา เทียนประดับ จะไม่ยุ่งกับเรื่องของไป่หลงเลย” พูดจบวาสนายิ้มให้โรมซึ่งยิ้มตอบอย่างพอใจ
“ผมมีธุระต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ฉันก็มีธุระเหมือนกัน แล้วเจอกันนะคะ”วาสนาว่าแล้วเดินแยกไป โรมหันมองเธอพร้อมกับพึมพำในใจ
“แต่เมื่อผมสวมหน้ากากอินทรีแดง ผมก็ไม่ใช่โรม ดังนั้นอินทรีแดงยังคงยุ่งกับไป่หลงได้ ผมไม่ได้โกงนะ” โรมหันกลับเดินแยกไปอีกทาง วาสนาหยุดเดินหันมองเขา
“นึกว่าฉันไม่ทันคุณเหรอ ถ้าคุณแถว่าเป็นอินทรีแดง ฉันก็เป็นกุหลาบได้เหมือนกัน”...
เมื่อมาถึงมุมปลอดคน โรมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปแทร็กเกอร์ ตั้งใจมั่นจะไม่ให้จิ๊บต้องเจ็บตัวฟรี เห็นบนจอมือถือเป็นแผนที่แสดงพิกัดของตัวแทร็กเกอร์กะพริบอยู่...
วาสนาเปิดแอปแทร็กเกอร์ในมือถือเช่นกัน เพื่อสะกดรอยตามโรมอีกทอดหนึ่ง “จะลุยหรือยังคะคุณโรม”
ooooooo
ในเวลาต่อมา ที่หน้าห้างฯวังแดงซึ่งตอนนี้ปิดกิจการไปแล้ว มนตรี ชาติกับอังคาร รวมทั้งประชิดและหน่วยเสริมอีกนับสิบคนเตรียมบุกทันทีที่กุญแจประตูรั้วเหล็กถูกทำลาย ทุกคนต่างกรูกันเข้าไป
จางเฟยหย่วนพร้อมสมุนสิบคนรอท่าอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่างต่างเล็งปืนไปที่กลุ่มของตำรวจ
“ยินดีต้อนรับสารวัตรมนตรี บุกโจมตีกะทันหันขนาดนี้ ผมเกือบจะตั้งตัวไม่ทันเลยนะเนี่ย”
“มอบตัวซะจางเฟยหย่วน” มนตรีเสียงกร้าว จางเฟยหย่วนยิ้มกวน
“เอาน่า...คำพูดไร้สาระแบบนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ ว่าแต่พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
มีเสียงอินทรีแดงดังขึ้น “จางเฟยหย่วน แกสงสัยช้าไปหรือเปล่า”
นายใหญ่ไป่หลงหันมองตามเสียงเห็นอินทรีแดงยืนหน้าเหี้ยมอยู่ “หมายความว่าอย่างไร”
“ถ้าแกสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่ที่ห้างฯ แกอาจจะไหวตัวทันนะ”
“พวกแกตามรอยกริชไปไม่ใช่หรือ”
“เพราะสันดานเห็นคนอื่นโง่กว่าตลอด แกเลยพลาด เราไม่ได้ตามรอยกริชหรอก เราตามรอยของสำคัญกว่านั้น” อินทรีแดงว่าแล้วนึกถึงตอนที่เกรซโทร.มาบอกว่าจิ๊บติดสติกเกอร์แทร็กที่แกะจากแล็ปท็อปของตัวเองไว้ที่สัญญาฉบับหนึ่ง ด้านจางเฟยหย่วนเอะใจ หยิบสัญญามาเปิดดูมีแทร็กเกอร์ของจิ๊บแปะอยู่
“ฝีมือแกเหรอ แกมาแปะตอนไหนวะ”
“แปะตอนไหนไม่สำคัญ ที่แกควรรู้คือสัญญาสามฉบับมีจีพีเอสอันเดียว แกดันหยิบเล่มนั้นติดตัวมา แกดวงตกแล้วจางเฟยหย่วน ฉันจะทำลายองค์กรของแกให้สิ้นซาก ให้มันจบภายในวันนี้”
จางเฟยหย่วนหัวเราะหยันมันไม่ง่ายขนาดนั้นแน่นอนแล้วสั่งสมุนฆ่าทุกคนให้หมด สมุนที่อยู่ชั้นบนยิงปืนยิงระเบิดใส่ ตำรวจโดดหลบเข้าที่กำบัง กันวุ่นวาย จางเฟยหย่วนสบช่องวิ่งหนีเข้าไปด้านใน อินทรีแดงตามไม่ได้เพราะถูกยิงสกัด จึงต้องช่วยตำรวจยิงต่อสู้กับพวกสมุนไป่หลง
ทางฝ่ายนายใหญ่ไป่หลงวิ่งหนีไปที่ห้องทดลองเห็นครีมเช็กความพร้อมของพิโรธและบังโลอยู่ ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอรายงานว่าพิโรธพร้อมใช้งานแล้ว แต่บังโลเพิ่งฟื้นตัว
“ดี ป้อนคำสั่งเพื่อปลุกพิโรธขึ้นมาแล้วฉีดยาให้บังโลเป็นอมนุษย์ซะ”
ครีมรับคำพิมพ์คีย์บอร์ดแล้วหยิบเข็มไปฉีดยาให้บังโล ขณะที่จางเฟยหย่วนรีบไปเก็บเอกสารสำคัญ...
มนตรีเห็นว่าขืนรวมตัวกันอยู่แบบนี้จะไม่ได้การ สั่งให้ตำรวจกระจายกำลังกันออกไปไม่ให้กระจุกกันที่เดียว โดยมนตรีกับอังคารพร้อมตำรวจอีกสามนายแยกไปอีกทาง ชาติกับประชิดแล้วหน่วยเสริมอีกสามคนไปคนละทางกับมนตรี อินทรีแดงซึ่งฉายเดี่ยวแยกไปคนละทางกับสองกลุ่มนั้น
ooooooo
Powered by Froala Editor










