ตอนที่ 7
แตนเห็นภาพบาดตาที่วินพัตราปรนนิบัติวศินอย่างใกล้ชิดตัดหน้าตนก็วิ่งกลับห้องนอน โกรธจนมือสั่นร้องกรี๊ดทำลายข้าวของระบาย อารมณ์ คำรามแค้น
“นังน้อย!! นังมารชีวิต!! ฉันจะทำยังไงกับมันดี ทำยังไง??!!”
เมื่อตัวเองทำอะไรวินพัตราไม่ได้มากเพราะเธอมีภาษีกว่าทุกด้าน จึงโทรศัพท์หาเรือนแก้วที่กำลังคุยงานกับหนูดีและอ้อที่สนใจจะเอาทัวร์มาลงที่ฟาร์มเรือนแก้ว จุดจูงใจที่เรือนแก้วเน้นคือฟาร์มอยู่ใกล้กับไร่เวียงชาวดินเหมาะกับทริปทัวร์ของทั้งสองคนมาก
แตนโทร.ไปหาเรือนแก้ว เธอขอตัวกับหนูดีและอ้อรับโทรศัพท์สักครู่ ฟังปลายสายแล้วเรือนแก้วอุทานตกใจ “อะไรนะ...พ่อเลี้ยงชัชชนป่วยหรือ” พอวางสายก็บอกสองสาวว่า “พอดีพ่อเลี้ยงชัชชนคนพิเศษของดิฉันป่วยน่ะค่ะ”
พอได้ยินชื่อชัชชน หนูดีถามว่าเป็นคนเดียวกับเจ้าของไร่เวียงชาวดินหรือเปล่า เวียงแก้วทำเขินบอกว่าพูดแล้วอย่าบอกใครนะ...ตนกับพ่อเลี้ยงกำลังคบๆกันอยู่ สองสาวมองหน้ากันแล้วหนูดีก็ถามเรือนแก้วว่า
“งั้นถ้าเราจะรบกวนขอให้คุณเรือนแก้วช่วยติดต่อพ่อเลี้ยงเรื่องทัวร์ของเราก็ได้ใช่ไหมคะ”
“โอ๊ย...สบายมากค่ะ”
อ้อถามอย่างอยากรู้ว่าได้ข่าวพ่อเลี้ยงไม่ชอบถ่ายรูป ไม่ชอบออกสื่อจริงไหม เรือนแก้วบอกว่าจริง หนูดีได้ช่องถามว่า
“แบบนี้คุณเรือนแก้วก็ต้องมีรูปพ่อเลี้ยงชัชชนน่ะสิคะ หนูดีอยากเห็นหน้าพ่อเลี้ยงน่ะค่ะ เห็นเขาว่ากันว่าหล่อ...หล่อจริงไหมคะ”
“อุ๊ย...ไม่ใช่หล่อธรรมดาๆนะคะ แต่ต้องเรียกว่าหล่อแรงแซงเทพบุตร”
เรือนแก้วพูดอย่างคลั่งไคล้จนสองสาวแอบขำ อ้อขอดูรูปหน่อยได้ไหม เรือนแก้วดีใจที่จะได้อวด เปิดโทรศัพท์หาพลางคุยอวดว่าถ้าไม่ใช่คนสำคัญอย่างเรือนแก้วไม่ได้ถ่ายรูปกับพ่อเลี้ยงหรอก
เรือนแก้วไล่หาครู่หนึ่งก็บอกว่าเจอแล้ว สองสาวตื่นเต้นชะโงกไปดู แล้วผิดหวังเพราะเป็นรูปเซลฟี่เรือนแก้วที่มีชัชชนอยู่ไกลๆเบลอๆ จนดูแทบไม่ออกว่าเป็นใคร
“หล่อใช่ไหมคะ ขนาดเบลอยังหล่อเลย เบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ” เรือนแก้วกรี๊ดพร่ำเพ้อคลั่งไคล้ “แฟนใครก็ไม่รู้ล้อ...หล่อออออ...”
หนูดีกับอ้อขำในความล้นของเรือนแก้ว...แต่จนแล้วจนรอดทั้งหนูดีและอ้อก็ยังไม่รู้ว่าหน้าตาของพ่อเลี้ยงชัชชนเป็นยังไง...
แต่เมื่อกลับบ้าน หนูดีทบทวนที่เคยเห็นพ่อเลี้ยงข้างหลังแว้บๆขณะไปเข้าห้องน้ำ จากรูปลักษณ์ก็รู้สึกคุ้นตาแต่ก็ไม่อยากหลอกตัวเองให้มีความหวัง
ooooooo
หลังจากวรกิจเสียไปแล้ว ภัควัฒน์ก็มาทำงานแทน แต่เพราะเขาไม่เคยทำงานและเป็นลูกแหง่ของแม่ตลอดมา เขาทำงานไม่เป็นและทนเครียดกับงานที่เลขาป้อนมาให้ทำไม่ได้ อารมณ์เสียจนไล่เลขาออกจากห้องไปอย่างเกรี้ยวกราด
พอดีบุญเติมมาเยี่ยมเยียนท่านประธานคนใหม่บอกว่าจะมาชวนไปแฮงเอาต์กัน ภัควัฒน์กำลังอารมณ์เสียกับงาน บุญเติมเห็นเป็นโอกาสดีแนะว่า ความจริงเขาน่าจะหาที่ปรึกษาหรือคนมาบริหารแทน ภัควัฒน์ถามว่าจ้างซีอีโอน่ะเหรอ
“ใช่ครับ ปล่อยคนอื่นทำงานไป ส่วนคุณเองก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่รับผลกำไรปลายปี”
ภัควัฒน์ถามว่าถ้าไม่เวิร์กล่ะ บุญเติมบอกว่าจะไปยากอะไรเราก็เปลี่ยนสิ ภัควัฒน์ถามว่าตนจะหาคนที่ไว้ใจได้แบบนั้นจากไหน บุญเติมบอกไม่ต้องห่วง ตนช่วยได้เพราะรู้จักคนเยอะ ภัควัฒน์ฟังแล้วสบายใจ บุญเติมก็ยิ้มเห็นช่องทางหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแล้วออกไปแฮงเอาต์กัน
พอดีอินทัชมาช่วยหิ้วของให้วินพัตราที่มาซื้อของเตรียมทำอาหารบำรุงให้วศินเห็นทั้งคู่ เขามองแปลกใจ
กลับไปเล่าให้วศินฟัง วศินถามว่าไอ้บุญเติมรู้จักคุณภัควัฒน์ด้วยเหรอ อินทัชก็แปลกใจเหมือนกัน วศินจึงให้สืบเงียบๆ เชื่อว่าบุญเติมกำลังคิดจะทำอะไรเลวๆอยู่แน่
ขณะอินทัชนั่งคุยกับวศินอยู่นั่นเอง เรือนแก้วก็ส่งเสียงหวานจ๋อยเข้ามา
“พ่อเลี้ยงขา...”
สองหนุ่มตกใจ วศินถามมาได้ยังไงเนี่ย เรือนแก้วไม่ตอบคำถามแต่พร่ำเพ้อว่าตนได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงไม่สบายเป็นห่วงมาก ใครทำพ่อเลี้ยงหล่อๆของตนแบบนี้ บอกมา เรือนแก้วจะไปจัดการมัน
วศินบอกว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ เรือนแก้วบอกว่าตนจะมาพยาบาลพ่อเลี้ยงเอง
วศินตกใจ อินทัชหันขวับมองแตนที่ยืนยิ้มอยู่ก็เดาได้ว่าต้องเป็นฝีมือแตนแน่ๆ
วินพัตราทำปลานึ่งกับรังนกตุ๋นมาให้วศิน เรือนแก้วขัดทันทีว่ามีแต่อาหารรสจืดชืดเหมือนคนทำ พ่อเลี้ยงป่วยก็คงอยากกินอะไรแซ่บๆ เช่นส้มตำปลาร้าเหงื่อจะได้ออก ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
สองสาวปะทะกันเรื่องอาหารของวศินขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่มีใครยอมใคร โต้เถียงและแย่งอาหารกันจนหกใส่วศินแล้วก็โทษกันว่าอีกฝ่ายทำ แล้วแย่งกันจะเช็ดให้ วศินต้องบอกให้หยุด ตนทำเองได้ บอกไม่กินอะไรแล้ว บอกทั้งสองว่า ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมแล้วขอตัวไปเลย
ทั้งเรือนแก้วและวินพัตราหน้าเจื่อนเพราะอดทั้งคู่ แต่แตนยืนยิ้มอย่างสมใจ อินทัชรู้ว่าเป็นฝีมือแตน ถามว่าพี่แตนบอกคุณแก้วทำไม แตนลอยหน้าถามว่าทำไมจะบอกไม่ได้ ทีคุณน้อยยังมาได้เลย










