ตอนที่ 13
“เห็นแก่ตัว ไม่หรอก ฉันพูดเล่น คุณเป็นคนจิตใจดีอ่อนโยนกับทุกคนมันเลยทำให้ฉันคิดถึงคนคนหนึ่ง”
ส่งไห้นิ่วหน้าก่อนโพล่งถามเสียงเรียบ “หมอคนนั้นน่ะหรือ”
“โอ๊ย...ไม่ใช่ คนนี้เขาแก่แล้ว แกซื่อมาก เป็นคนมีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือฉันแต่ฉันกลับหลอกลวงแกอย่างไม่น่าให้อภัย จนตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่เลย”
“งั้นก็กลับไปขอโทษเขาสิ บอกเขาว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้แล้วล่ะ มาถึงตอนนี้แกคงไม่ปล่อยฉันเข้าบ้านอีกแล้ว คนเราไม่มีใครโง่เรื่องเดิมซ้ำสองหรอกจริงไหม”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยแกล้งคนแก่ ว่าแต่คนนั้นเป็นหญิงหรือชายล่ะ”
“ผู้หญิง ฉันเรียกเขาว่าอาม้า”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย วันหน้าก็หาดอกไม้ไปขอขมาเขาซะ คนแก่ใจดีคงไม่ถือโทษโกรธนานหรอก”
หลินลู่หลานถอนใจยาว “คุณคิดงั้นหรือ ขอให้เป็นจริงอย่างว่าเถอะ ฉันเฝ้าคิดถึงแต่เรื่องนี้มาทั้งวัน ไม่รู้เป็นไงสิ...คิดถึงแต่หมอแล้วก็อาม้าสลับกัน ประหลาด เหมือนคนบ้า”
ส่งไห้ติดใจเรื่องหมอ อยากรู้เรื่องอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ “หมอ...แฟนเธอใช่ไหม”
“อดีตใช่แต่ตอนนี้เขามีแฟนใหม่แล้ว สวยอย่างกับนางฟ้า สวยเหมือนแฟนคุณในรูปไม่มีผิด”
คำพูดเปรียบเปรยถึงอ้ายผิงทำให้ส่งไห้หงุดหงิด สวนเสียงห้วน
“ทำไมต้องมาเปรียบกับรูปแฟนฉัน”
“อ้าว...ก็จริงนี่นา แต่แปลกนะ เพราะเมื่อก่อนคนนี้เขาไม่ได้สวยขนาดนี้ หน้าตาก็ไม่เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าหมอผ่าตัดให้เขาให้หน้าตาแบบแฟนคุณหรือเปล่า”
ส่งไห้ส่ายหน้าให้จินตนาการเหลือเชื่อของอดีตพยาบาล “บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“ก็ฉันเห็นมากับตาจริงๆ ผู้หญิงสองคนหน้าเหมือนกันเปี๊ยบ คนหนึ่งไปกับหมอ อีกคนนอนป่วยอยู่ในบ้านหมอ แล้วไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันยังเห็นผู้ชายอีกคนหน้าเหมือนคุณเด๊ะเลย ฉันตาไม่ฝาดหรอก”
หลินลู่หลานหลุดปากเรื่องสุ้ยไถ่ ส่งไห้สะดุ้งตามประสาพวกมีชนักติดหลังแต่แสร้งทำโมโหกลบเกลื่อน
“เธอนี่มันเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ พูดพล่ามไปเรื่อย ไปเคาะสนิมในกะโหลกออกเสียบ้างนะ
ทุกอย่างที่พูดไม่มีทางเป็นความจริง แฟนเก่าฉันอยู่เมืองไทย พี่ชายฉันก็อยู่เมืองไทย เขาสองคนชอบกันและก็คงจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ เขาไม่มาเพ่นพ่านอยู่ที่นี่หรอก”
พูดจบก็หมุนตัวเดินโขยกเขยกหนี หลินลู่หลานรู้ทันตะโกนไล่หลัง
“อ้าว...จะไปไหน หนีฉันยังพอว่าแต่หนีหัวใจตัวเองน่ะไม่มีทางพ้นหรอกนะ รอฉันด้วย คุณมีปัญหากับแฟน แล้วมาโกรธฉันเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่านายส่งไห้!”
ooooooo
สุ้ยไถ่มาถึงโรงพยาบาลกลางดึกคืนเดียวกัน หลังจัดการเรื่องที่บ้านเทียนซั่งและบ้านอันซินแล้ว ซุนหลิงยังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างเตียงอ้ายผิง รำพึงรำพันอย่างน่าสงสาร










