ตอนที่ 1
หมื่นทิพเทศาไปเรือนพระยารัตนาธิเบศร์พร้อมนำของกำนัลมาฝากคุณหญิงของท่าน ก่อนจะล้อมวงดื่มเหล้าเคล้านารี มีวงมโหรีบรรเลงเพลง สุขกายสบายใจ ไร้ทุกข์ร้อนใดๆ ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาว่างเว้นการศึกเป็นเวลายาวนาน
แต่แล้ววันหนึ่งทัพพม่าหลายหมื่นตีเมืองทวายแตกพ่ายและมาดหมายเมืองมะริดต่อไป เจ้าเมืองมะริดให้ม้าเร็วถือหนังสือบอกเหตุไปยังพระนครเพื่อแจ้งข่าวว่าพม่ายกทัพมาใกล้จะถึงมะริดและตะนาวศรีอยู่แล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่ย่านิ่มดูชะตาบ้านเมืองว่าจะมีศึกในไม่ช้า
ชาวเมืองโจษขานหวั่นไหวเรื่องศึก หมื่นทิพเทศาหวาดกลัวเพราะเป็นหนึ่งในบรรดาไพร่พลที่ต้องออกไปกรำศึกครั้งนี้ นำโดยพระยารัตนาธิเบศร์เป็นแม่ทัพ บอกคนของตนว่า
“พวกเอ็งไม่ต้องวิตกจริตไป เพราะเรามีพวกอาสาสมัครจากวิเศษไชยชาญ ไอ้พวกวิเศษไชยชาญเมืองสิงห์เนี่ยเขาว่าฝีมือมันร้ายกาจ แถมขุนรองปลัดชู หัวหน้ามันก็เป็นคนมีอาคมแก่กล้า มีรับสั่งให้ตั้งเป็นกองอาทมาตไอ้พวกอาสาสมัครนี่แหละมันจะช่วยเรารบ”
“มันจะมีกำลังซักเท่าไหร่กันเชียวขอรับ”
“ราวๆสี่ร้อยคน แต่มีน้อยก็ไม่เป็นไร ฝีมือมันชั้นยอด และยังกล้าหาญไม่กลัวตาย เราจะให้มันตายแทนเรา”
หมื่นทิพเทศาและพรรคพวกได้ฟังคำพระยารัตนาธิเบศร์ ต่างยิ้มโล่งใจกันถ้วนหน้า ทางฝ่ายย่านิ่มที่ดูดวงชะตาบ้านเมืองแล้วเกิดความทุกข์ใจ เรียก
พระสุวรรณราชาบิดาของหลานทั้งสามคนมาพบด้วยเรื่องสำคัญนี้ ครั้นพระสุวรรณราชาได้ฟังคำมารดาก็อึ้งในหัวอก หน้าซีดสลด เพราะรู้ฝีมือการดูดวงชะตาของท่านเป็นอย่างดี
“แม่ตรวจดูตามตำรามหาทักษาสองเที่ยวแล้วพ่อพัน ดวงชะตาของพ่อเดือน...”
เดือน บุตรชายคนโตของพระสุวรรณราชา รับราชการเป็นหลวงเสนาสุรภาคขึ้นเรือนมาพอดี สองคนรีบกลบเกลื่อนความรู้สึก เขาพร้อมไปศึกอย่างไม่กลัวเกรง แต่ย่าและพ่อกลับหวาดหวั่นแต่พยายามไม่มีพิรุธบอกลางร้าย ผู้เป็นบิดาชวนบุตรชายสวดมนต์ก่อนเดินทัพแต่เช้าตรู่วันพรุ่ง










