เล็บครุฑ
ตอนที่ 10
ไม่เพียงแค่บอกแต่ปกรณ์ชักปืนออกมาเชิงข่มขู่สิงห์ว่าหากไม่ทำตามคำสั่งก็ต้องโดนเก็บ สิงห์ข่มอารมณ์เก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้
กริชกับพวกพาวอง กิม และลูกน้องออกมาจากร้าน สั่งตำรวจท้องที่ใส่กุญแจมือทุกคน แล้วพาไปโรงพัก ดูแลอย่าให้มีอะไรแทรกแซง ตำรวจรับคำโดยไม่ทันสังเกตว่ามีปืนยาวกำลังเล็งมาที่สารวัตรหนุ่ม
ปกรณ์ยืนควบคุมสิงห์อยู่ เห็นวิถีปืนของสิงห์ก็เตือน “แกมีโอกาสแค่นัดเดียวเท่านั้น ฉันเตรียมรถพาแกหนีไว้แล้ว ถ้าพลาดแกจบ”
“ถ้าสารวัตรกริชตาย ทุกคนน่าจะพอใจ”
“แต่นายท่านสั่งให้แกปิดปากวอง แกจะขัดคำสั่งนายท่านงั้นเรอะ” ปกรณ์ขึ้นนกขู่อีกครั้ง
สิงห์จำต้องเบนกระบอกปืนไปทางวอง ระหว่างนั้นตำรวจคุมตัววองกับกิมมายืนรวมกับพวกผู้หญิงบาร์ที่จับไว้ กำลังจะใส่กุญแจมือ วองกับกิมฉวยโอกาสแย่งปืนตำรวจ วองคว้าตัวดาวมาเป็นตัวประกันเด็กสาว ร้องลั่นด้วยความกลัว
วองขู่ให้ทุกคนวางปืนถ้าไม่อยากให้นังคนนี้ตาย กริชส่งสัญญาณให้อุกฤษณ์เจรจา แต่วองไม่ฟังจะเอารถหนี อุกฤษณ์จึงให้เลือกจะเอาคันไหน วองชี้ไปที่รถคันหนึ่ง
“ใครเป็นเจ้าของรถคันนั้น ขอกุญแจรถให้คนร้ายด้วยครับ”
ตำรวจนายหนึ่งส่งกุญแจให้ กิมตวาดไม่ต้องเข้ามาแล้วชี้ไปที่แคทให้เป็นคนถือมา แคททำทีหวาดกลัวมือไม้สั่น เดินเข้าไปยื่นกุญแจค้างไว้กลางอากาศ กิมหงุดหงิดที่ส่งไม่ถึงมือ
“เดินเข้ามา”
“แต่ฉันกลัว”
“บอกให้เข้ามา”
แคทขยับเข้าไปอีกนิด กิมยื่นมือไปรอรับ หญิงสาวแกล้งทำมือสั่น กุญแจร่วงลงพื้น กิมกับวองมองตามกุญแจ จังหวะนั้นเองกริชชักปืนเล็กที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมายิงไปสองนัด แม่นราวจับวาง นัดแรกเจาะหน้าผากวอง นัดที่สองเข้ากลางอกซ้ายของกิม
สิงห์เห็นเช่นนั้นก็โยนปืนคืนให้ปกรณ์ “จบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ไอ้โง่ คนอย่างมันสมควรตาย” ปกรณ์ยิ้มหยันหมดคู่แข่งไปหนึ่ง
ooooooo
ในคืนเดียวกัน ก้านปั่นจักรยานอยู่ริมถนนสายหนึ่ง ติดกล้องไว้ที่แฮนด์ ไลฟ์สดถึงชีวิตตากล้อง เวลาจะออกกำลังกายก็ไม่มีต้องทำงาน จึงต้องมาปั่นจักรยานตอนกลางคืน เชิญชวนแฟนเพจออกมาร่วมปั่น
รจิตนั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างทาง กำลังดูไลฟ์สดของก้านแล้วบ่น “อะไรเนี่ย ฉันจะดูวิว ไม่ได้อยากดูหน้าแก หันกล้องออกไปสิยะ”
ตรงสี่แยกไฟแดง ชาติขับรถพานิทัศน์กับกินรีที่นั่งประกบดารณีมาจอดติดไฟแดงอยู่ รถมรกตที่รับชีพมาด้วยจอดห่างออกไปสองสามคัน โดยไม่รู้ว่ารถตู้ของอเล็กซ์กับพวกตามมาจอดด้านหลัง จากนั้นพวกเขากรูเข้ามาล้อมรถมรกต รถชาวบ้านที่อยู่ใกล้พากันขับหนีจ้าละหวั่น
