ตอนที่ 11
ดนัยไม่รู้สึกผิดที่ลงมือฆ่าแก้ว แม้แต่รองเท้าและเสื้อผ้าเปื้อนเลือดก็ไม่คิดทำความสะอาด แค่ถอดทิ้งแล้วเปลี่ยนชุดใหม่อย่างเลือดเย็น...
ไม่มีใครรู้หรือสงสัยดนัยเพราะภาพลักษณ์ความเป็นปลัดแสนดี แม้แต่สีดากับเหล่ซึ่งรู้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังของเสี่ยภุชงค์กับเหล่าลิ่วล้อมาตลอดก็คิดไม่ถึง มัวปักใจว่าเสี่ยภุชงค์เป็นคนบงการ
เหล่กลัวมาก เตือนสีดาให้ระวังตัวโดยเฉพาะเรื่องหิน
“ถ้าเสี่ยรู้ว่าเจ๊เอาใจไปให้คุณหินเมื่อไหร่ล่ะก็เจ๊ต้องมีชะตากรรมเหมือนน้าแก้ว...แม่นังเปรียว”
สีดาเริ่มใจคอไม่ดี “แล้วรู้ไหมว่าใครฆ่าน้าแก้ว”
“ไม่รู้...แต่คนเขาก็รู้กันทั้งเมืองว่าบ้านลำตัดเป็นคู่กรณีของเสี่ยเพียงแต่เขาไม่กล้าพูด หาทางปลีกตัวไปตั้งรกรากที่อื่นเถอะ ขืนอยู่ที่นี่เจ๊อาจไม่ได้อยู่ใช้เงิน”
“แกก็พูดง่ายๆ ฉันจะไปได้ยังไง”
“เจ๊ห่วงเก็บเงินค่าหวยหรือห่วงชีวิต...คิดเอา”
“ฉันห่วงคุณหิน...ฉันรักเขา”
หินไม่ได้คิดถึงความห่วงใยของสีดา มัวพะวงเรื่องเปรียวที่พ่อแม่ถูกฆ่าตายหมด หาญกับสัปเหร่อฉุยก็ใจหายเมื่อรู้เรื่องและปักใจว่าเสี่ยภุชงค์เป็นคนสั่งการ หินรับฟังข้อสันนิษฐานของหาญกับสัปเหร่อฉุยด้วยสีหน้านิ่งสงบ ยังไม่ค่อยเชื่อเพราะคิดว่าคนฆ่าต้องเป็นคนที่แก้วไว้ใจ
ดนัยเก็บตัวเงียบ ไม่ไปเจอใครแต่แอบสืบข่าวคดีแก้วตายเงียบๆ แม้จะโล่งใจที่ไม่มีใครสงสัยตนแต่ไม่ประมาท ระวังตัวเสมอเพราะกลัวถูกเอาคืน
เสี่ยภุชงค์ไม่ได้ยี่หระการตายของแก้ว เดินหน้าเตรียมความพร้อมเรื่องท่าทรายและรีดไถชาวบ้านเหมือนเคย เหล่าสมุนถูกเรียกตัวมาทำงานด้วยเพราะเงินถูกปล้นไปมากในระยะหลัง
พวกชาวบ้านต่างเกรงกลัวอิทธิพลของเสี่ยภุชงค์ กระนั้นก็ไม่มีทางเลือกต้องเอาข้าวไปขายให้แต่เมื่อ
ถูกกดราคาก็พยายามเรียกร้องจนเสี่ยภุชงค์ต้องออกโรงเจรจาเอง
“ราคาข้าวต้องเป็นไปตามที่โรงสีกำหนด คนปลูกข้าวมีหน้าที่ปลูกแต่กลไกตลาดเป็นหน้าที่ของโรงสี เอาข้าวมาขึ้นที่ท่านี้พวกแกจะสะเออะมากำหนดราคาข้าวได้ยังไง พวกแกไม่รู้แม้แต่วิธีจะขายข้าวในตลาดด้วยซ้ำไป”
“ถ้าเสี่ยจะเป็นคนกำหนดราคาก็ขอความกรุณาให้เสี่ยเห็นใจพวกเราบ้าง”
“ฉันรับซื้อข้าวทั้งหมดตอนยังเป็นข้าวเปลือก
ถ้าฉันไม่รับซื้อมันจะเป็นยังไง...มันก็ราขึ้นทั้งบ้านโคกเพราะข้าวนี่ยังชื้นอยู่เลย ฉันต้องเสียเวลามาตากอีกกว่าจะสีให้เป็นข้าวสารได้ จะขายก็ขาย...ไม่ขายก็ขนกลับไป!”
ooooooo










