ตอนที่ 1
สองหญิงโต้เถียงกันเสียงดังมากจนเจ้าของร้านขอร้องว่าอย่าทำอะไรกันร้ายแรงเลยนะ เพราะไม่มีใครกล้าเข้าร้านแล้ว ปัทม์ก็ชวนแม่กับน้าพรกลับเพราะคนมามุงดูเยอะแล้ว แต่สองหญิงยังโต้เถียงด่าทอกันติดลม จนเจ้าของร้านบอกให้หยุด เมียเจ้าของร้านตะโกนใส่ปัทม์ว่า
“ไอ้ลูกกะหรี่ พาแม่แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ลินจงเลือดขึ้นหน้ากระโจนเข้าตบเมียเจ้าของร้าน เจ้าของร้านเลยคว้าตะหลิวทัพพีไล่หวดลินจงจนป่วนไปทั้งร้าน ปัทม์พยายามเข้าห้ามแม่ไม่ให้มีเรื่องกัน
กลับถึงบ้านเช้า ลินจงร้องไห้เสียใจขอโทษปัทม์ที่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี แทนที่เรื่องจะเงียบๆกลับกลายเป็นว่าตนทำอะไรก็รู้กันทั่วไปหมด
“มันผ่านไปแล้ว ช่างมันเหอะ ยังไงผมก็เป็นลูกแม่...ผมคิดว่าผมยอมรับการดูถูกเหยียดหยามได้นะแม่”
“เวลาผ่านไปเรื่อยๆลูกจะไม่คิดแบบนั้น มันเป็นตราบาปฝังเราไปตลอดชีวิตเพราะสิ่งที่แม่เป็น แม่จะเลิกทำ จะไม่มีใครดูถูกเราอีกต่อไป”
“ผมจะดูแลแม่เอง” ปัทม์ยิ้มตื้นตันที่แม่ทำเพื่อตน ลินจงบอกว่าเราดูแลกันและกันต่างหากล่ะลูก
และแล้วก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จู่ๆ วิไลเจ้าของบ้านเช่าเมียของขจรก็เข้ามาด่าลินจงว่าตนถูกสวมเขา ปัทม์กับลินจงมองหน้ากันอย่างรู้ว่าเรื่องอะไรและจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ วิไลชี้หน้าลินจงตวาด
“ก็มึงนั่นแหละ...เก็บของออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้อีกะหรี่!”
ปัทม์กับลินจงช็อก...
ooooooo
ที่ห้องรับรองในโรงแรมหรู การให้สัมภาษณ์ของปัทม์นักธุรกิจในวัย 60 กว่ายังดำเนินต่อไป ปัทม์กล่าวน้ำตาซึมว่า
“คำว่า ‘ลูกกะหรี่’ ผมว่าคำคำนี้มันเสียดแทงใจผมทุกครั้งที่ผมได้ยิน มันทำให้ผมท้อถอย”
ปัทม์มองหน้าตรีชวากับตรีรณาที่ส่งสายตาให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ ตรีชวาเห็นนักข่าวหญิงคนหนึ่งร้องไห้หนักจนเธอต้องเข้าไปกอด บอกให้ไปพักผ่อนก่อนดีไหม นักข่าวคนนั้นปาดน้ำตาขอโทษและขอสัมภาษณ์ต่อ
“ท่านทำยังไงต่อคะหลังจากได้ยินคนพูดแบบนั้น”
“มันเป็นแค่คำคำหนึ่ง เพราะอีก 1 วินาทีต่อมาผมต้องลืมมัน แล้วผลักดันให้ผมเองต้องก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา”
คำตอบของปัทม์ทำให้ภรรยาและลูกที่เฝ้าดูการสัมภาษณ์ต่างยิ้มปลื้ม
ปัทม์เอ่ยในที่ให้สัมภาษณ์ว่า
“จริงๆแล้วยังมีผู้หญิงอีกคนที่ดีกับผมและแม่มาตลอดหลังจากที่เราโดนไล่ออกจากบ้านเช่า...”
ปัทม์เล่าย้อนกลับไปในปี 2515...อีกครั้ง...
ooooooo










