ตอนที่ 14
เดียวตาเป็นประกาย เม้มปากแน่นขณะก้าวเดินไปที่กลุ่มนั้น เห็นเสื้อผ้าเบญจมีรอยเลือดก็สบถ “เบญจนี่เอง” แล้วเดียวก็กระชากเบญจออกจากอกแม่ เขย่าตัวเขา ถามด้วยเสียงดังลั่นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ
“เบญจ! เธอแทงอาจารย์เอ๋ยทำไม เขาดีกับเธอสารพัด”
ดาราตกใจ คนบริเวณใกล้เคียงหันมามอง แม่รีบดึงเบญจออกจากเดียว
“ลูกฉันไม่ได้ทำนะคุณ เขาถูกผู้ร้ายมันจับมือแทงอาจารย์เอ๋ย”
“ใจเย็นๆค่ะคุณเดียว คนมองใหญ่แล้ว เราไปตรงโน้นก่อนเถอะแล้วดาราจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณเดียวฟัง”
“เบญจไม่ใช่คนทำจริงๆครับ เขารักและเคารพอาจารย์เอ๋ยมาก” ครูชายอีกคนช่วยยืนยัน เดียวจึงยอมให้ดาราจูงไปยังมุมค่อนข้างเงียบ เบญจกับแม่รวมทั้งครูอีกคนก็เดินตามมา
“คนที่อ้างตัวว่าเป็นพลเมืองดีคนนั้น เขาอ้างว่าเบญจเป็นคนแทง”
“ผมบอกแล้วว่าผมเปล่า ไอ้คนนั้นมันเป็นพวกแก๊งโต๊ะพนันฟุตบอลมาทวงหนี้อาจารย์วิธู”
“แล้วเธอไปที่นั่นทำไม” เดียวถามเบญจ
“ผมเห็นอาจารย์วิธูลับๆล่อๆไปที่ตึกร้างตอนมาโรงเรียน ก็เลยตามไปจะถามว่าทำไมอาจารย์ถึงใส่ร้ายว่าผมขโมยเงิน ทั้งๆที่ตัวเขานั่นแหละเป็นคนทำ”
“อาจารย์วิธูก็ถูกซ้อมบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
“อาจารย์วิธูอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
ดาราตอบรับว่าอยู่ที่นี่ เดียวตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ อยากรู้ว่าเขาอยู่ตึกไหน ห้องไหน?
ooooooo
ไม่นานนักเดียวลุยเดี่ยวมาที่ห้องคนไข้พิเศษ ชายสามคนในห้องกำลังพูดคุยกันอยู่ชะงัก เดียวมองสภาพวิธูซึ่งหน้าบวมเป่ง รอยฟกช้ำดำเขียวแทบทั้งตัวด้วยความตกใจ
วิธูอุทานเรียกน้องเดียว ขณะที่พจน์มองเธออย่างกะลิ้มกะเหลี่ยแล้วถามวิธูว่าเธอเป็นใคร
“ภรรยาอาจารย์เอ๋ยครับ”
“อ้อ...ผมชื่อพจน์ เป็นพลเมืองดีที่ช่วยสามีคุณไว้ครับ”
เดียวไม่ขอบคุณ มองพจน์แล้วเลยไปมองชายอีกคนด้วยสายตาคมกริบ พจน์รีบแนะนำ
“นี่ทนายประจำตระกูลครับ”
“เพิ่งรู้ว่าการเป็นพลเมืองดีต้องมีทนายด้วย”
เดียวพูดโพล่งจนพจน์กับอ้วนหน้าเจื่อน เบือนหน้ามาที่วิธูเหมือนจะกำชับให้ช่วยโกหก
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่พี่วิธู ใครเป็นคนแทงเอ๋ย”
วิธูอึดอัด เหลือบมองพจน์แว่บหนึ่ง เดียวจับตามองตลอด พจน์สบตาอ้วนให้เล่นละครตามที่เตี๊ยม อ้วนจึงวางมาดทนายพูดเป็นการเป็นงานเพื่อให้น่าเชื่อถือ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับ ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยจะได้ไม่เสียเวลา ผมได้คุยกับคุณวิธูแล้ว ตกลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือเบญจได้พกมีดและไปดักรออาจารย์วิธูที่บริเวณใกล้หน้าโรงเรียนตั้งแต่เช้ามืด พอพบก็ได้ลากตัวอาจารย์มาซ้อมที่ตึกแถวร้าง”










