ตอนที่ 14
“เดียวรู้ว่าการที่คุณโรสเข้มงวดกับเดียวและกับพวกเราทุกคน ก็เพราะความหวังดีและความเจริญก้าวหน้าของบริษัท โดยเนื้อแท้แล้วคุณโรสเป็นคนดี”
“มีเนื้อแท้เนื้อเทียมอีกแน่ะ”
“อยู่ไปอีก 3 ปี พี่แบมก็จะรู้”
อ๋อเดินเข้ามาหน้าตาเคร่งเครียด แบมปากยื่นปากยาวทักเพื่อนรุ่นน้องทันที
“ไอ้อ๋อ ได้ข่าวว่าถูกเทอีกเหรอ”
“ใครเขาจะมารักคนอย่างผมจริง”
อ๋อเดินผ่านไปเซ็งๆ เดียวอมยิ้มพูดไล่หลังว่า “ต้องมีแน่ๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่แหละอ๋อ” หนุ่มอ๋อได้ยิน โบกมือโดยไม่หันมา ขณะที่แบมนิ่วหน้าถามเดียวว่า
“พูดเล่นพูดจริง ไอ้อ๋อเนี่ยนะมีคนรัก พี่เห็นมันถูกเทแล้วเทอีก”
“ดูไปแล้วกัน”
“นี่เดียว...อาทิตย์หน้าเพื่อนพี่เขาจะเปิดผับใหม่ ไปมั้ย”
“คิดจะจับคู่ให้เดียวหรือเปล่า”
แบมปฏิเสธเสียงสูง...เดียวคิดนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจ
“ไปก็ได้ เดียวก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจอครั้งนี้
จะเป็นยังไง”
“ฉันว่าแกต้องไปจูนสมองใหม่แล้วว่ะ”
เดียวไม่ใส่ใจคำพูดแบม พอตกเย็นเลิกงานจะกลับบ้านด้วยแท็กซี่เพราะรถตัวเองเสีย แบมก็มาเสนอตัวขับรถไปส่ง แต่ระหว่างทางเดียวเปลี่ยนใจบอกแบมให้ไปส่งที่บ้านแม่ ซึ่งการมาครั้งนี้เดียวเจอจำรัสอยู่ด้วย เธอพูดจาดีทั้งกับแม่และแฟนใหม่แม่ จะอยู่กินข้าวด้วยแต่แม่มีธุระ เดียวจึงขอตัวกลับไปกินข้าวที่บ้านกับอาม่า
“แต่แม่ก็อยากกินข้าวกับเดียวเหมือนกัน”
“ถ้าแม่ทำอะไรแล้วมีความสุข แม่ก็ทำไปเถอะค่ะ เอาไว้อีกสองสามวันเดียวค่อยมากินข้าวกับแม่ก็ได้
เดียวรักแม่มากนะคะ”
เดียวกอดแม่แล้วหันมาพนมมือขอบคุณจำรัสที่ช่วยดูแลแม่ของตน เมื่อเดียวหันกลับออกไป ทรรศิกาถึงกับเอ่ยปากกับจำรัสว่าเดียวดูแปลกๆ เชื่อไหมว่าเราสองคนแม่ลูกแทบจะไม่ได้กอดกันเลย
“แปลว่า...แปลกไปในทางที่ดีขึ้น”
“ค่ะ” ทรรศิการับคำและยิ้มสบายใจ
ooooooo
ออกจากบ้านแม่มา เดียวมุ่งหน้าไปตามหาร้านซีแซ่บเว่อร์ซึ่งเวลานี้มีคนแวะมาอุดหนุนมากพอสมควร เธอเดินมาหยุดตรงหน้ามาสคอตปลาหมึก
ที่มีทั้งผ้าหลากสี พวงมาลัยคล้องคอและหนวด
เต็มไปหมด
“สวัสดี...เจ้าแม่ซีแซ่บเว่อร์ อลังการงานปลาหมึกจริงๆ”
มีเด็กมาขายพวงมาลัยแต่เดียวไม่ซื้อ ขยับจะเดินตามหาเบญจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอาม่าก้าวออกจาก
มุมหนึ่ง อาม่าหลิ่วตาเหมือนจะบอกให้หลานเดินตาม เดียวจึงไม่รอช้า
เมื่ออาม่าหยุดเดินและหันกลับมา เดียวมองโดยรอบซึ่งเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง บริเวณนั้นเป็นกลางคืนก็จริง แต่ก็เหมือนมีแสงสว่างเรืองรองสวยงาม รวมทั้งตัวอาม่าซึ่งดูผ่องใสมีออร่าแบบผู้มีบุญ
“อาม่าหยก! นี่อาม่า...”










