ตอนที่ 11
“ช่างมันเถอะครับ เราคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ว่าแต่พี่เอ๋ยสืบเรื่องเงินค่าทัศนศึกษาที่ถูกขโมยไปถึงไหนแล้วครับ”
“ยังไม่คืบหน้า พี่คุยกับเบญจตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับสารภาพ”
“หมายความว่าพี่เอ๋ยคิดว่าเป็นเบญจ”
“ก็ไม่มีใครแล้วนี่ แล้วนายล่ะ ยังคิดว่าเบญจบริสุทธิ์อยู่อีกหรือเปล่า”
“ผมก็คิดแล้วคิดอีก พยายามหาเหตุผลต่างๆมาแก้ แต่มันก็มาสรุปที่เบญจเป็นขโมยทุกที โดยเฉพาะไอ้เหตุผลตรงที่เบญจย้อนกลับมาในห้องอีก”
“แต่ถึงจะย้อนกลับเข้ามา เราก็ยังไม่มีหลักฐานว่าเงินอยู่กับเบญจนะ”
“ขโมยที่ไหนมันจะโง่เก็บเงินไว้กับตัว ดีไม่ดีป่านนี้ใช้หมดแล้วล่ะ”
“อืม...นั่นสิ ตอนนี้พี่ชักคิดว่างานมันหนักเกินกำลังพี่ไปหรือเปล่า ไหนจะเรื่องสอน เรื่องงานฝ่ายปกครอง แล้วยังจะต้องมาตามจับขโมยอีก ผอ.ก็กดดันทุกวันจนเหนื่อยใจ แล้วยังจะเรื่องถูกปองร้าย
ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด บางทีพี่ก็นึกอยากจะถอนตัวเรื่องขโมยเงินด้วยซ้ำ แต่ติดที่ ผอ.กำชับแล้วกำชับอีก แล้วคุณดาราก็ขอร้องให้ช่วย”
“ถ้าพี่เอ๋ยเหนื่อยใจขนาดนั้น ผมขอรับภาระต่อเอง”
“แน่ใจเหรอ พี่ว่าจะแจ้งความ”
“ท่าน ผอ.คงไม่ยอม เพราะกลัวโรงเรียนเสียชื่อ ผมรับเองน่ะดีแล้ว พี่เอ๋ยจะได้หายเครียดลงบ้าง”
“แต่นายก็มีเรื่องเครียด”
“ผมไม่อยากหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของผม อยากจะเอาเวลาไปสนใจเรื่องอื่นๆบ้าง”
“แน่ใจนะว่านายจะไม่เครียดขึ้นไปอีก”
“ไม่ครับ อย่างน้อยพี่เอ๋ยก็มีพระคุณกับผมมาก ผมอยากแบ่งเบาภาระพี่”
“งั้นก็ตกลง ขอบใจนายมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับ...ตายจริง มาคุยกับพี่เอ๋ยเดี๋ยวเดียวจะสามทุ่มแล้ว ผมกลับดีกว่า พี่เอ๋ยจะได้พักผ่อน”
พอวิธูเดินลับกายออกไป เดียวโผล่มาบอกเอ๋ยว่าเพื่อนของเขามีพิรุธ ออกตัวว่าเธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่จะมาร่วมวงคุยด้วย เผอิญได้ยินก็เลยหยุดฟัง...










