ตอนที่ 6
แหวจบตะเภาก็วิ่งหนี ทิ้งเพลิงให้มองตามเศร้าๆ... อยากบอกความจริงใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้
ooooooo
คำพูดแดกดันของดอกไม้เมื่อคืนก่อนทำให้อัญชันสะเทือนใจมาก สุดท้ายจึงตัดสินใจไม่แวะไปหากัลป์เหมือนเคย ลำดวนกลัวเสียของอาสาไปแทน ดอกไม้ผ่านมาเห็นก็โวยวาย
“ดีจริงนะ...อัญชันไปหาสามีฉันได้แต่ฉันไปหาบ้างไม่ได้ ไม่รู้กันท่าไปถึงไหน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าพี่กัลป์อยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะไปฟ้องนายแสน”
มาลัยผ่านมาได้ยินพร้อมกระรอก ขัดหูมาก
ต้องปรามลูกสะใภ้เสียงดุ
“เราพูดจาแบบนี้ได้ยังไง ผัวเธอทั้งคนจะให้มาตายเพราะความหึงหวงของเธอเองอย่างนั้นเหรอ”
“แค่นี้สำหรับแม่ แต่มันคือความรักทั้งชีวิตของฉันที่มีให้พี่กัลป์ ฉันไม่ยอมให้ใครมาหยามน้ำหน้าฉันหรอก อ้อ...หรือแม่คิดจะเอาตัวรอดด้วยการยก
พี่กัลป์ให้เป็นผัวนังอัญชัน ราชสีห์นั่น”
กระรอกของขึ้นสวนแทนแม่ “พี่ดอกไม้...อย่าดูถูกแม่นะ แม่ไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ใครจะรู้...ที่ผ่านมาแม่เคยปกป้องอะไรฉันบ้าง แม่ปล่อยให้นายแสนมันย่ำยีฉัน ปล่อยให้ฉันตกเป็นนางบำเรอของมัน ฉันเป็นลูกสะใภ้ของแม่นะ ทำไมแม่ถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้...เห็นแก่ตัว!”
มาลัยโมโหจนอาการโรคหัวใจกำเริบ กระรอกถลาประคองเช่นเดียวกับดอกไม้ที่ตกใจมาก ไม่คิดว่าอารมณ์หึงหวงของตนจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้...
สถานการณ์เมืองพลเข้าขั้นวิกฤติ รองเพชรถูกย้ายกลับพระนครไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับ หมวดนิตย์ครองเมืองเต็มที่และปล่อยให้คนของแสนขูดรีดค่าคุ้มครองจากพวกชาวบ้านตามอำเภอใจ
กัลป์รู้เรื่องสถานการณ์ในเมืองจากตะเภาซึ่งแวะมาเยี่ยมเยือนเขาเสมอ แค้นใจมากที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่บ่นคิดถึงอัคนีอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา
แม่ไม้คมแฝกว่าหายหน้าหายตาไปไหน
ตะโพนได้ยินกัลป์บ่นถึงอัคนีก็ถอนใจ อดนึกถึงเรื่องราวสุดระทึกเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ สัปเหร่อหนุ่มประจำเมืองยังจำได้ดีถึงวันที่แสนบุกไปเอาเรื่องอัคนีถึงวัดเก่าเมืองพล
“อาจารย์...ฉันเตือนแล้วนะว่าให้ออกไปจาก
เมืองพล”
“ที่นี่เป็นบ้านเกิดของกู เป็นแผ่นดินของคนไทยทุกคน มึงไม่มีสิทธิ์มาบงการใครทั้งนั้น...ไอ้เนรคุณ!”
“ฉันอุตส่าห์หวังดีชี้ทางรอดให้อาจารย์ แต่อาจารย์ไม่เชื่อฉันเองนะ”
อัคนีไม่หวั่นเกรงควักคมแฝกประจำตัวออกจากที่ซ่อน ประกาศศึกกับแสนศิษย์เอกที่กำลังจะเป็นอดีต
แสนเห็นลวดลายคมแฝกในมืออาจารย์ก็เหยียดยิ้ม “คมแฝกธาตุน้ำ...คมแฝกสยบสาคร...เป็นบุญตาจริงๆที่ได้เห็นคมแฝกของอาจารย์ ฉันนึกว่าอาจารย์แก่จนถือคมแฝกไม่ไหวแล้วซะอีก”
“ทุกสรรพสิ่งก่อกำเนิดจากดินและน้ำ จะรุ่งโรจน์แค่ไหนก็ขึ้นกับลมและไฟ กูยกคมแฝกสะท้านพสุธาให้มึง เพราะหวังให้มึงเป็นคนหนักแน่นไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ยกคมแฝกจักรวายุให้กัลป์ก็เพราะหวังให้มันเป็นคนเข้มแข็งเด็ดขาด”
“แต่กระบวนท่านาคาพ่นไฟของฉันมันเหมาะกับคมแฝกสยบสาครมากกว่า อาจารย์น่าจะยกมันให้ฉัน”
“สยบสาคร...เป็นคมแฝกปราบมาร ที่กูไม่ยกให้มึงก็เพื่อรอวันนี้ วันที่กูต้องกำราบมึง...ไอ้แสน!”










