ตอนที่ 5
ฝ่ายพีระไปถึงมูลนิธิแสงระวีเห็นรถตำรวจจอดอยู่หน้ามูลนิธิแล้ว ถูกคุณนายระวีตำหนิว่ารู้ว่าตำรวจจับตาก็ไม่น่าจะมาที่นี่ เพราะมูลนิธิของตนไม่มีอิทธิพลคุ้มครองเขาได้ การที่เขามาสนิทด้วยจะทำให้พวกตนถูกสงสัยไปด้วย พีระไม่พอใจขู่ว่า “คุณถีบหัวส่งผมไม่ได้หรอกนะคุณนาย คุณก็รู้ว่าผมเป็นใคร”
“หลักฐานที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดที่ฉันและลูกกลายเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกหลอกใช้ ถูกบังคับอย่างน่าสงสาร คุณพีระคงไม่อยากให้ฉันต้องเอาออกมาใช้”
ทิชายืนฟังที่ประตูอย่างเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แม่จะหยุดการร่วมมือกับพีระเสียที...
ooooooo
กลับถึงบ้านเย็นนี้ โขงคิดและเขียนความเชื่อมโยงระหว่างพีระมูลนิธิ กับพีระ ทิชาและนายพร แล้วโขงก็ตกใจแทบผงะเมื่อมองไปเห็นทิชายืนยิ้มหวานอยู่ที่ประตูพร้อมอาหารในถุงผ้า
ฝ่ายเหมียวเมื่อได้แรงยุจากคนรอบข้างก็ฮึด
ลุกขึ้นมาแต่งตัวเปลี่ยนแปลงตามที่เฮียนางเสนอ ซื้ออาหารไปให้โขง พอเดินเข้าไปในบ้านก็ชูถุงผ้าใส่อาหารร้องถามเสียงใส
“หิวไหมคุณโขง”
พลันก็ชะงักอึ้งเมื่อเห็นทิชายืนอยู่กับโขง แต่พยายามทำร่าเริงเดินเข้าไป โขงรู้สึกถึงบรรยากาศไม่ปกติ แต่ก็ยิ้มแย้มต้อนรับสองสาวอย่างกระตือรือร้น รีบไปหาจานชามมาให้ทิชาใส่อาหาร แต่อาหารที่ทิชาซื้อมานั้นใส่กล่องอาหารที่เป็นแก้วออกมา ส่วนอาหารของเหมียวนั้นใส่ถุงพลาสติกรัดยางอากาศโป่งเต็มถุง
นอกจากนี้ อาหารก็แตกต่างกันลิบลับ ของที่ทิชาซื้อมามีผัดกะเพราเนื้อวากิว ต้มยำกุ้งแม่น้ำ และสลัดปลาแซลมอน แต่ของเหมียวมีก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ขนมจีนน้ำยาปู ลูกชิ้นปิ้ง ส่วนขนมมีลอดช่องน้ำกะทิ
ทิชากระตือรือร้นช่วยแกะอาหารของเหมียวใส่จานแต่แกะหนังยางไม่ได้โขงจึงรับไปช่วยแกะ ทิชาชมโขงว่าเก่งมากตนแกะไม่เคยได้เลยหนังยางพวกนี้ เล็บจะหัก พอโขงแกะเสร็จทิชารีบเอาจานมาใส่ช่วยกันกะหนุง– กะหนิง เหมียวมองแล้วเซ็งตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน งึมงำอย่างหมั่นไส้
“แหวะ แกะหนังยางได้เนี่ยนะเก่ง โหยโคตรแมน โคตรอัจฉริยะเลยนะเนี่ย”
โขงเอาใจ เอาอาหารของสองคนมาคลุกด้วยกันกินแล้วชมว่าอร่อยรสแปลกดี
การมา “ลุย” ครั้งนี้เหมียวกลับไปด้วยความเศร้าเมื่อโขงกับทิชาเอาอกเอาใจกันราวกับโลกนี้มีกันเพียงสองคน เหมียวผิดหวังน้อยใจจนร้องไห้ขณะเดินกลับไป พอนึกได้ก็ปาดน้ำตาพรืดถามตัวเองว่า
“จะร้องไห้ทำไมเนี่ย”
ooooooo
ระหว่างที่เหมียวไป “ลุย” นั้น เปิ้ลแอบไปสมัครงานที่ผับพีระ ใจหนึ่งก็กลัวเหมียวจะด่า อีกใจก็บอกตัวเองว่าต้องทำ ต้องหาตังค์ส่งให้แม่
ส้มก็มาสมัครงานที่นี่เหมือนกัน ขณะยืนรอต้อนรับลูกค้า ส้มที่เปลี่ยนชื่อเป็นออเร้นจ์ปรารภกับเปิ้ลว่าปกติตนทดลองงานไม่เคยผ่านเลยวันนี้ไม่รู้จะรอดไหม เปิ้ลที่เปลี่ยนชื่อเป็นพอลล่าบอกว่าตนก็เหมือนกันแต่มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องสู้
คืนนี้แสนสะพายกีตาร์มาทำงานตามปกติ แต่สมองเขาคิดถึงคำขอร้องของโขงที่ว่า “นายคนเดียวที่เข้าไปในถ้ำเสือได้...ฝากด้วยนะแสน” เมื่อเข้ามาในผับเห็นเปิ้ลกับส้มในชุดพนักงานเสิร์ฟก็สะดุดตากับท่าทาง เขินๆไม่ชินกับชุดของทั้งสอง และยิ่งเมื่อเห็นหน้าก็ยิ่งสะดุดตาสะดุดใจว่าหน้าคุ้นๆ ถามพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาว่าเด็กใหม่เหรอ พนักงานคนนั้นพยักหน้าแสนจึงเดินเข้าไปทัก










