ตอนที่ 5
จากคำบอกเล่าด้วยความแค้นของนายพร
รุ่งขึ้นโขงไปดักทิชาที่หน้าบ้าน พอเธอขับรถออกมาก็โดดออกไปขวาง ทิชาเบรกเอี๊ยดลงมาถามว่าทำไมทำอย่างนี้ ถ้าตนเบรกไม่ทันจะทำยังไง
“เมื่อคืนมีคนคนนึงมาหาผม...”
โขงจะเล่าเรื่องนายพร แต่คุณนายระวีลงจากรถมาถามโขงด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า มีธุระกับทิชาแต่เช้าเลยหรือ โขงเสียจังหวะเลยเปลี่ยนเป็นปรึกษาเรื่องเคสกับทิชาและคุณนายระวี แต่เป็นเรื่องของนายพร
“คือ...มีลูกจ้างคนนึงทำงานมานาน แต่อยู่ๆก็เกิดลุกขึ้นมาทำร้ายเจ้านาย พอถูกจับได้แทนที่จะหนีไปไกลๆ กลับยังแอบอยู่เพื่อคอยบอกคนอื่นว่าอดีตเจ้านายทำเรื่องไม่ดีไว้ อย่างนี้ผมควรสรุปว่าไงครับ เขามีอาการหลงผิด ควรพบจิตแพทย์หรือว่าเรื่องที่เขาพูดมามันจะมีโอกาสเป็นจริง”
ทิชาพาซื่อช่วยโขงคิด คุณนายหมั่นไส้โขงแต่ก็ไม่เฉลียวใจว่าเป็นเรื่องของนายพร พูดฉอดๆว่า
“บางทีลูกน้องคนนั้นอาจจะอยากได้อะไรแล้วไม่ได้เลยอิจฉาคนอื่นแต่งเรื่องมาใส่ร้ายป้ายสีนายเก่า”
คุณนายจ้องหน้าโขงพูดกระทบว่า “คนเราสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักประมาณตนกันเท่าไหร่ อยากได้อยากมีเกินตัว อยากจนทำผิดคิดชั่วหนำซ้ำยังไปโยนความผิดให้ชาวบ้านแถมร้องแรกแหกกระเชออยากให้คนเข้าข้างอีก ไม่คิดบ้างหรือไง ยิ่งหาพวกก็ยิ่งพาคนอื่นเดือดร้อนไปทั่ว”
“แล้วคุณนายระวีคิดว่าควรแก้ปัญหานี้ยังไงล่ะครับ”
“ง่ายนิดเดียว บอกเขาไปว่าเจียมตัวนะ อย่าหวังสูง แล้วก็อย่ามาดึงคนดีๆเขาลงต่ำให้ต้องเสื่อมเสียไปด้วย แนะนำชัดขนาดนี้คุณโขงคงไปจัดการต่อเองได้นะคะ”
ทิชาฟังแม่พูดแล้วไม่สบายใจ แต่โขงฟังแล้วรู้ตัวว่าคุณนายระวีไม่ชอบตน พยายามคิดว่าจะเชื่อมโยงกับเรื่องนายพรได้หรือไม่ แต่คุณนายระวีก็ด่าหน้ายิ้มๆ
โคตรผู้ดี จะแค่หวงลูกสาวหรือมีอะไรแอบแฝง?
โขงไปถึงสำนักงาน ถูกแป๊ะแซวประชดว่ารีบมาทำไมนี่เพิ่งสิบโมงกว่าเอง สวัสดิ์ก็ไล่ให้กลับไปก่อนเพราะปกติมาเที่ยงไม่ใช่หรือ โขงมองสองคนงงๆว่าอะไรกัน?
เดินผ่านห้องประชุมที่ไม่ได้ปิดประตู โขงเห็นพีระยืนอยู่ระหว่างนารีกับสุรารักษ์ที่นั่งอยู่ พูดเสียงดังว่า
“ผมถูกกล่าวหาในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมต้องการคนรับผิดชอบ”
นารีจะทำหนังสือขอโทษเผื่อเขาจะสบายใจขึ้น พีระยืนยันขอให้เอาคนผิดมาลงโทษ โขงจึงเดินเข้าไปถามว่า “คุณพีระยังเชื่ออีกเหรอครับว่าคนผิดแล้วต้องถูกลงโทษ”
“แน่นอนสิ คุณพีระเขาเคารพในกติกา ยึดมั่นในความถูกต้อง” พร้อมสะอึกออกมาโต้แทน
“ความถูกต้องที่ซื้อขายได้ด้วยเงินน่ะนะ”
สุรารักษ์ปรามโขงว่าจะพูดให้เรื่องมันยิ่งแย่ทำไม พีระได้ทีชี้ทันทีว่าเห็นไหมว่าโขงมีอคติ ถามโขงว่าหมั่นไส้อะไรตนนักหนา ตนขยันทำมาหากินเลยมีเงินเก็บเยอะ มันน่าหมั่นไส้มากหรือไง ปรามโขงแถมท้ายว่า
“คุณโขง ผมรู้ว่าตอนเด็กๆคุณมีปัญหานะ แต่อย่าเอาความอิจฉาส่วนตัวมาหาเรื่องผมสิ”
โขงจะโต้อีก นารีบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้วขอโทษพีระ แล้วบอกว่าตนจะอบรมเขาเอง ก็พอดีเจียรไนย
มาบอกว่า “นักจิตวิทยาที่นัดไว้พร้อมแล้วค่ะ”










