ตอนที่ 2
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลิซ่าตัดสินใจไปหาอรที่ห้องเพื่อสอบถามความจริงว่าในพินัยกรรมระบุไว้ว่าภายในหนึ่งปีคุณดลต้องแต่งงานและมีลูกถึงจะได้เป็นเจ้าของฟาร์มรักษาจริงใช่ไหม อรอึกอักพูดไม่ออก
“เพราะแบบนี้คุณน้าถึงรีบให้ลิซ่าแต่งงานกับคุณดลใช่ไหมคะ” ลิซ่าเห็นอรเงียบก็ใส่ไม่ยั้ง “คุณน้าเห็นลิซ่าเป็นแม่พันธุ์ที่นึกอยากจะผสมพันธุ์เมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นเหรอคะ ทั้งหมดมันเป็นแผนของคุณน้าใช่ไหมคะ”
“โอ๊ยหนูลิซ่า หนูเอาแต่ถามๆๆแบบนี้แล้วน้าจะอธิบายได้อย่างไร” อรสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกพลัง แล้วตอบคำถามของเธอว่าเรื่องพินัยกรรมเป็นจริงอย่างที่เธอพูด ลิซ่าอ้าปากจะโวยแต่อรชิงยกมือห้ามเสียก่อน
“อย่าเพิ่งโวย แต่ที่หนูพูดว่าน้าเห็นหนูเป็นแม่พันธุ์มันไม่ใช่ความจริง น้าถูกชะตาหนูตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแค่ไม่กี่วัน แต่น้ามองออกว่าหนูเป็นคนดี จริงใจและไม่เอาเปรียบใคร พอเงื่อนไขเรื่องพินัยกรรมเข้ามามันก็เลยทำให้น้าตัดสินใจว่าคนที่ลูกชายน้าจะแต่งงานด้วยคือหนูเท่านั้น”
“แล้วก็บังเอิญว่าคุณน้าได้มาใช้หนี้ให้กับครอบครัวของลิซ่า”
อรยอมรับว่าทุกอย่างมันประจวบเหมาะไปหมดราวกับฟ้าลิขิต ท่านไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องนี้ เธอจะไม่คิดมากได้อย่างไรในเมื่อเธอกับดลไม่ได้รักกัน แล้วเราสองคนจะมีอะไรกันจนมีลูกได้อย่างไร อรปลอบสมัยนี้การมีลูกไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน ทำเด็กหลอดแก้ว ผสมเชื้อข้างนอกแล้วถึงเอาไปใส่ในท้องของเธอ
“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ลิซ่ายังไม่พร้อมเป็นแม่หรอกค่ะ คุณน้าขา ลิซ่าไม่ได้อกตัญญูนะคะแต่ลิซ่ารับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ลิซ่าไม่อยากท้อง” ลิซ่าส่งสายตาวิงวอนไปให้ อรเครียดจัดที่เธอจะล้มเลิกสัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี แกล้งปวดหัวเพื่อให้เธอสงสาร อรสวมบทคนใกล้ตายด้วยมะเร็งขั้นสุดท้ายได้สมบทบาทจนเธอใจอ่อน
“ถ้าหนูอยู่ต่อ คุณน้ามีวิธีที่จะทำให้หนูไม่ต้องท้องกับคุณดลจริงๆไหมคะ”
“ตอนนี้น้ายังคิดไม่ออกแต่น้าจะหาทางจ้ะ น้าจะไม่ให้หนูต้องเสียเปรียบแน่นอน” อรเห็นลิซ่าพยักหน้าหงึกๆก็แอบดีใจ “หมายความว่าหนูไม่ไปแล้วใช่ไหม”
ลิซ่ารับคำ อรดึงเธอมากอดดีใจสุดๆ ขอบคุณเธอที่ทำเพื่อท่าน แล้วขออะไรอีกอย่างได้ไหม ขอให้เธอเรียกท่านว่าแม่ให้ชื่นใจสักหน่อย ลิซ่าไม่อยากทำให้คนแก่ผิดหวังยอมเรียกท่านว่าคุณแม่
“น่ารักที่สุด...ว่าแต่ใครบอกหนูเรื่องนี้”...
คนที่บอกเรื่องนี้กับลิซ่านั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่กับลดาที่ระเบียงบ้านตัวเอง บอกให้ท่านเตรียมฉลองได้เลย ยัยลิซ่านั่นขอหย่ากับดลแน่นอน
“อะไรจะมั่นใจขนาดนั้น เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ” ลดามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างรอคำตอบ...
ขณะสถานการณ์ที่บ้านอรกำลังผ่อนคลายลง ที่รักษาสเต๊กเฮ้าส์กลับตึงเครียดเมื่อทับทิมพารตีมาฝากฝังกับผู้จัดการร้าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจะมาทำงานที่นี่ในฐานะผู้ช่วยของเขา วานให้เขาช่วยสอนงานและดูแลเธอให้ด้วย ผู้จัดการจำต้องรับคำ ท่านหันไปทางรตี
“ตั้งใจทำงานนะหนู มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามผู้จัดการหรือถามรินก็ได้...ริน ดูแลพี่รตีแทนยายด้วย”
“ค่ะๆ” รินรับคำทั้งที่ยังเหวอไม่หาย รตีมองเธอกับผู้จัดการ
“มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ รตีพร้อมจะเรียนรู้งานเต็มที่ค่ะ” รตียิ้มใสซื่อจริงใจ แต่พอทับทิมกลับไปเท่านั้น รตีก็เริ่มออกลาย หน้าตายิ้มแย้มใสซื่อเปลี่ยนเป็นรังเกียจกลิ่นและสถานที่อย่างไม่มีเม้ม ผู้จัดการกับรินพาเธอเข้ามาในครัวเพื่อแจกแจงเรื่องงานในหน้าที่ของเธอให้ฟัง
“หลังจากเชฟทำอาหารเสร็จ เขาจะนำอาหารมาวางตรงนี้ คุณรตีเช็กอาหารกับออเดอร์ว่าตรงกันหรือไม่ หลังจากนั้นจึงยกให้พนักงานเสิร์ฟ” ผู้จัดการอธิบาย รตีสวนทันทีว่าไม่ทำ เขากับรินถึงกับผงะ
“นี่มันใช่หน้าที่รองผู้จัดการที่ไหนกัน ต้องมาอยู่ในครัวอับๆเหม็นๆร้อนก็ร้อน หน้าฉันผิวฉันได้พังกันพอดี แถมเสื้อผ้ารองเท้ายังจะติดกลิ่นเหม็นคาวอีก คุณนั่นแหละต้องเป็นคนทำ ฉันจะออกไปต้อนรับลูกค้า โอเคนะ” สั่งเสร็จรตีตัวแสบเดินเชิดออกจากครัว ผู้จัดการมองหน้าริน
“ท่าทางเหมือนคนละคนกับตอนที่คุณท่านอยู่เลยนะครับ”
ooooooo
อรเดินคุยกะหนุงกะหนิงกับลิซ่าออกมาจากบ้าน โดยเปลี่ยนสรรพนามจากที่เธอเรียกอรว่าคุณน้ามาเป็นคุณแม่แทน อรเสนอตัวจะทำของโปรดไว้ให้เธอกินเย็นนี้ ลิซ่าอดถามไม่ได้ท่านรู้หรือว่าเธอชอบกินอะไร
“เออนั่นสินะแม่ไม่รู้ แล้วหนูชอบกินอะไรล่ะ”
ลิซ่าชอบกินส้มตำปลาร้าเผ็ดๆ ชนิดยกพริกมาทั้งสวน ครั้นเห็นอีกฝ่ายเงียบก็รีบบอกว่าถามท่านเหม็นก็ไม่ต้องทำ อรอ้างที่เงียบไปเพราะไม่คิดว่าเธอจะชอบอาหารเหมือนกัน สองคนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ
“ส่วนเรื่องตาพิ หนูไม่ต้องกังวลแม่จะจัดการเอง ตาพิอิจฉาตาดลมาตลอดเขาอยากได้ฟาร์มรักษามาก ต่อไปนี้ถ้าตาพิพูดอะไรกับหนูอีกก็ไม่ต้องไปเชื่อ ไม่ต้องไปฟัง”
ระหว่างนั้นรินเดินสีหน้าไม่สู้ดีนักเข้ามามองแม่ ลิซ่ารู้งานว่าแม่ลูกคงมีเรื่องต้องคุยกันก็เลยขอตัวไปทำงานก่อน สายแล้วเดี๋ยวดลจะว่าเอาได้ อรรอจนลูกสะใภ้ไปพ้นแล้วจึงถามรินว่ามีเรื่องอะไร
ครั้นฟังลูกสาวเล่าเรื่องรตีจบก็ไม่พอใจ อรจ้ำพรวดๆไปบ้านทับทิม รินพยายามพูดเตือนสติแม่ให้ฟังคุณยายก่อนอย่าเพิ่งโวยวาย อรเอ็ดเสียงเขียวรู้แล้วไม่ต้องมาเตือน แต่สองแม่ลูกต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงลดาร้องเรียกแม่ดังขึ้น จากนั้นเจ้าของเสียงเรียกเดินลิ่วแซงอรกับรินตรงไปหาทับทิมที่อยู่ในบ้าน










