ตอนที่ 2
“อุ่ย โทษทีไม่ได้จะแช่งแม่แกนะ”
ทันใดนั้นมีเสียงลิซ่าร้องกรี๊ดดังขึ้น สองหนุ่มหันมองตามเสียงเห็นเจ้าของเสียงร้องยืนอยู่กลางคอกวัวรีบวิ่งไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่งเห็นส้นรองเท้าหักห้อยต่องแต่ง
“รองเท้าคู่ละหมื่นของฉัน”
ดลจะหลุดขำแต่หมอหมีสะกิดให้เงียบๆได้ทัน
ooooooo
แม้จะถูกสามีในนามกลั่นแกล้ง แต่ลิซ่าไม่ยอมแพ้ถอดรองเท้าข้างที่หักออกแล้วเดินกะเผลกๆด้วยรองเท้าข้างเดียวกลับไปที่บ้านเพื่อเปลี่ยนชุดกลับมาลุยงานต่อ หมอหมีอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันว่าคุณลิซ่าคงไม่ยอมแพ้แกง่ายๆ เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้วเพื่อน” หมอหมีตบไหล่ดลแล้วผละไป...
ครู่ต่อมา ลิซ่าในชุดกางเกงทะมัดทะแมง รองเท้าผ้าใบจะกลับไปคอกวัว แต่เจอพิธานเดินมาทักทายด้วยท่าทางเป็นมิตรสุดๆเสียก่อน เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อพิธานเป็นลูกของน้องสาวป้าอร เมื่อคืนเราเจอกันแล้วแต่ยังไม่ได้ทักทายกัน แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหนหรือ เธอจะไปทำงานที่ฟาร์ม ขอตัวก่อนขืนไปช้าถูกดลบ่นแน่ๆ
“คุณเพิ่งแต่งงานกับดล แต่ดลกลับใช้งานคุณแล้วเนี่ยนะครับ ท่าทางคุณลิซ่าคงยังไม่รู้จักดลดีพอ...ผมรู้นะครับคุณกับดลรีบแต่งงานกันเพราะอะไร ผมเห็นใจทั้งคุณทั้งดลแล้วก็คุณป้าอร สิ่งที่พวกคุณทำมันคือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่” พิธานพยายามอวยเพื่อให้ลิซ่าไว้ใจ
“ไหนๆคุณก็รู้เรื่องแล้ว ฉันขอถามอะไรหน่อยสิคะว่าคุณดลชอบอะไรไม่ชอบอะไร คือฉันต้องอยู่กับเขา ไปอีกนาน ฉันจะได้ทำตัวถูก ไม่อยากมีปัญหาอ่ะค่ะ”
“คุณถามถูกคนแล้วครับ” พิธานแสร้งยิ้มจริงใจ...
พิธานตัวแสบหลอกลิซ่าว่าสวนดอกไม้ข้างบ้านที่ดลปลูกร่วมกับนัทเป็นสิ่งที่ดลเกลียด ลิซ่าหลงเชื่อคำโกหกของตัวแสบ เอากรรไกรมาตัดพุ่มดอกไม้เหล่านั้นหวังจะทำให้ดลพอใจ เขากลับโกรธจัดเข้ามากระชากแขนเธอเหวี่ยงให้ออกห่างจากสวนดอกไม้จนล้มก้นจ้ำเบ้าโดยไม่ยอมอธิบายอะไร
สักอย่างว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น เธอลุกขึ้นได้จ้ำพรวดๆออกไปด้วยความโมโห เจอต้นไม้ต้นแรกเตะระบายอารมณ์แต่เจ็บเสียเอง
หมอหมีผ่านมาเห็นพอดีถามว่าเป็นอะไร ลิซ่าเล่าเรื่องที่มีปัญหากับดลให้ฟัง บ่นอุบอุตส่าห์ช่วยตัดดอกไม้พวกนั้นเพื่อให้เขาสบายใจกลับถูกตวาดใส่มันน่าโมโหนัก
“ครับ มันน่าโมโห...เป็นผมก็คงโมโหคุณเหมือนกัน”
“อ้าว...ไหงเป็นอย่างนั้นล่ะหมอ” ลิซ่ามองหมอหมีอย่างข้องใจ...
ลิซ่าถึงกับเหวอเมื่อรู้จากหมอหมีว่าดอกไม้เหล่านั้นเป็นดอกไม้ที่ดลกับแฟนเก่าช่วยกันปลูกเอาไว้ แถมเขายังรักพวกมันมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่แตะต้องได้
“เว่อร์จัง ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ทั้งๆที่เลิกกันไปแล้ว”
“เพราะว่าแฟนเก่าไอ้ดล ตายแล้วน่ะสิครับ ดลกับนัทรักกันมาก เขาคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็หมั้นกัน แต่พอใกล้ถึงวันแต่งงานก็เกิดเรื่อง วันนั้นไอ้ดลไปรับนัทที่บ้านเพื่อจะพามาคุยกับคุณน้าอรเรื่องจัดงานแต่งแต่ระหว่างทางก่อนที่จะถึงฟาร์มเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น ไอ้ดลเจ็บหนักส่วนนัทเสียชีวิต”
ooooooo
ดลฟื้นคืนสติในสภาพมีผ้าพันแผลที่หัว ขาเข้าเฝือก ร้องหานัทเสียงลั่น อรกับรินและหมอหมีที่เฝ้าไข้อยู่รีบเข้ามาล้อมเตียงปลอบให้เขาใจเย็นๆ เขาใจเย็นไม่ไหวถามแม่ว่า
“นัทล่ะครับ นัทอยู่ไหน นัทเป็นไงบ้าง”
อรไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ ดลใจคอไม่ดีถามรินกับหมอหมีว่านัทเป็นอย่างไรบ้างแต่ไม่มีใครตอบได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา หมอหมีตัดสินใจบอกความจริงว่านัทตายแล้ว ดลไม่เชื่อจะลุกไปหาคนรักแต่ลุกไม่ไหวล้มลงนอนอย่างเดิม ขอร้องให้ใครก็ได้ช่วยพาไปหาเธอ ในเมื่อไม่มีใครยอมช่วย เขาจึงกัดฟันลงจากเตียง อร รินกับหมอหมีเข้าไปห้ามก็ถูกผลักจนเซไปตามๆกัน ครั้นลงจากเตียงได้ดลก็ยืนไม่ไหวทรุดฮวบ
“ฉันรู้ว่าแกเสียใจ แต่แกทำอะไรไม่ได้แล้วไอ้ดล นัทเขาไปสบายแล้ว คนที่แกต้องสนใจคือคนที่มีชีวิตอยู่ คือแม่ของแก น้องของแก...แกเข้าใจที่ฉันพูดไหม” หมอหมีพูดเตือนสติ ดลก้มหน้าร้องไห้อย่างน่าเวทนา อรกับรินถลากอดเขาร้องไห้ไปด้วยกัน...
หมอหมีเล่าให้ลิซ่าฟังเพิ่มเติมว่า หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ดลโทษตัวเองที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ จนกลายเป็นปมในชีวิตของเขาทำให้เขาสร้างกำแพงขึ้นมาและไม่ยอมเปิดหัวใจรักใครอีก ไม่เคยมีใครทลายกำแพงนั่นลงได้...
เมื่อได้ฟังเรื่องราวแสนจะรันทดจากปากหมอหมี ลิซ่าสงสารและเห็นใจดลมาก เดินกลับมาที่สวนดอกไม้ ดลกำลังเก็บเศษซากดอกไม้อยู่ ได้ยินเสียงฝีเท้าหันขวับพอเห็นเธอเท่านั้นก็ลุกขึ้นอาละวาดใส่นี่เธอพูดไม่รู้เรื่องหรือ เขาบอกแล้วใช่ไหมว่า
ไม่ให้มาที่นี่อีก เธอไม่ได้มากวนใจแต่มาเพื่อขอโทษ เธอไม่รู้ว่าดอกไม้เหล่านี้สำคัญกับเขามากแค่ไหน หมอหมีเล่าทุกอย่างให้เธอฟังหมดแล้ว ดลไม่พอใจด่าเพื่อนรักว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง
“อย่าไปว่าเพื่อนคุณเลย ฉันขอให้เขาเล่าให้ฟังเอง”
ดลไม่อยากพูดด้วย หันไปเก็บเศษซากดอกไม้ต่อ ลิซ่าเข้ามาช่วยก็ถูกเขาปัดมือออกสั่งไม่ให้มายุ่ง
“นี่คุณดล ถ้าฉันรู้ว่าคุณหวงที่นี่มากขนาดนี้ ฉันคงไม่ทำตามที่คุณพิธานบอกหรอก”
“เกี่ยวอะไรกับพิธาน” ดลจ้องลิซ่าเขม็ง...










