ตอนที่ 2
นภากับโต๊ะก็แอบมองเหตุการณ์ปะทะระหว่างชาติกับวิโรจน์เช่นกัน
“มันเป็นคนเดียวกับที่เราเห็นเมื่อคืนหรือเปล่าเนี่ย เมื่อคืนมันซัดพวกแก๊งค้ายาที่โต๊ะสนุ้กซะหมดสภาพแต่ทำไมเมื่อกี้มันถึงโดนจ้วงเอาๆจนหน้าบวมขนาดนี้”
“นั่นน่ะสิครับ ผมว่าฝีมืออย่างไอ้นี่ถ้าเอาจริง จะต่อยไอ้หนุ่มคนเมื่อกี้นี้ตายในหมัดเดียวก็ยังได้”
“ยิ่งมายิ่งน่าสงสัยขึ้นเรื่อยๆ...ไอ้หมอนวดพเนจรคนนี้...”
สาลินีพาวิโรจน์ไปสงบสติอารมณ์ในร้านกาแฟของหมู่บ้าน เห็นท่าทางสำอางตามประสาหนุ่มเมืองกรุงของเขาแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่กระนั้นก็อยากรู้สาเหตุที่เขามาที่นี่มากกว่า
“พี่วิโรจน์รู้ได้ยังไงคะว่าสาอยู่ที่นี่...อ้อ...ไม่น่าถามเลย แม่บอกแน่ๆเลยใช่ไหมคะ”
“ครับผม...พอพี่วิโรจน์รู้ว่าน้องสาอยู่ที่นี่ พี่วิโรจน์ก็เป็นห่วงรีบตามมาเลย โดยไม่ได้เกรงกลัวความยากลำบากอะไรทั้งสิ้น ต่อให้เป็นที่ที่ทุรกันดารป่าเถื่อนเลวทรามแค่ไหนก็ตาม”
“ที่นี่ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“น้องสาอย่าแกล้งพูดให้พี่วิโรจน์สบายใจเลยครับ พี่รู้ว่าน้องสาห่วงความรู้สึกของพี่วิโรจน์ แต่พี่วิโรจน์ห่วงใยน้องสามากกว่านะครับ”
“เอ่อ...คือสาแค่หมายความว่าที่นี่ไม่ได้แย่อะไรมากมาย”
“พี่วิโรจน์เข้าใจน้องสา น้องสาหยุดหลอกตัวเองเถอะครับ บ้านนอกแบบนี้ไม่มีอะไรเหมาะสมกับเทพธิดาอย่างน้องสาหรอกครับ กลับไปกรุงเทพฯกับพี่วิโรจน์แล้วไปยุโรปด้วยกัน ที่นั่นคือสวรรค์ คือที่สำหรับคนฐานะอย่างเราครับ”
“พี่วิโรจน์คะ...สาจะอยู่ที่นี่ค่ะ ถ้าพี่วิโรจน์รับที่นี่ไม่ได้ก็กลับไปเถอะค่ะ...สาจะอยู่ที่นี่!”
ooooooo
หลังประกาศจุดยืนตัวเอง สาลินีก็ทิ้งวิโรจน์ไว้ลำพังในค่าย ส่วนตัวเธอแวะไปดูแผลของชาติด้วยความเป็นห่วงปนรู้สึกผิดเพราะคิดว่าเธอก็มีส่วนทำให้เขาเจ็บตัว
ชาติอิดออดไม่อยากทำแผลแต่สาลินีดึงดันทำให้จนได้ ท่าทางเก้ๆกังๆของเขาทำให้เธอขำจนต้องแซว
“ไม่ต้องเกร็งก็ได้ ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก”
“ผมรู้น่า...คุณเป็นหมอ...หมอไม่ทำร้ายคนอื่นหรอก”
“ก็ไม่แน่...ถ้าเจอคนกวนโอ๊ยปากมอมมากๆก็อาจจะเผลอตบปากให้”
“คงไม่ใช่หมายถึงผมนะ”
“น่าจะรู้ตัวนะว่าหมายถึงใคร”
“เคยคิดสักนิดไหมว่าผมไม่ได้กวนโอ๊ยอะไรหรอก แต่คุณต่างหากที่หงุดหงิดง่าย”
สาลินีนิ่งไม่ตอบ ชาติแกล้งทักว่าเธอคงเพิ่งอกหักเลยเหวี่ยงไปทั่ว และท่าทางชะงักงันของเธอก็ทำให้เขาได้ใจ
“จริงๆด้วย...ผมจะสอนให้ก็ได้ คนเราแค่ช่างสังเกตนิดนึง คุณก็จะรู้อะไรเพิ่มอีกมากจากสิ่งที่ตาคุณเห็น”
“อย่างเช่น...จริงๆคุณเป็นทหารใช่ไหม”
ถึงคราวชาติจะผงะบ้าง สาลินียิ้มเยาะ สะใจได้เอาคืนแม้จะแบบไม่ได้ตั้งใจ
“อยากรู้ล่ะสิว่าฉันรู้ได้ไง...ฉันไม่บอกหรอก”
สาลินีพูดพลางเร่งทำแผลจนเสร็จและจะผละไป แต่ไม่วายทิ้งท้าย
“ที่ฉันมาทำแผลให้คุณเนี่ยเพราะเพื่อนฉันทำคุณเจ็บ ฉันก็ต้องรับผิดชอบ หลังจากนี้...หวังว่าจะไม่เจอกันอีก ฉันจะตรวจรักษาประชาชนอยู่ฝั่งนู้น คุณเล่นปาหี่อยู่ฝั่งนี้ ไม่ข้ามเขตกัน ใครฝ่าฝืนโดนลงโทษ...โอเคไหม”
“ตกลง...เอาตามที่คุณพูด”
ทำข้อตกลงสงบศึกกันได้ สาลินีก็แยกไปทำหน้าที่แพทย์อาสาให้ชาวบ้าน พลอยหญิงชาวบ้านสูงวัยแวะมาให้ตรวจพร้อมบ่นกลุ้มใจเรื่องลูกชายสองคนแพทย์สาวมาดคุณหนูสั่งยาบำรุงให้และเตือนไม่ให้เครียดมากเพราะจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงหลายอย่าง พลอยรับปากแบบขอไปทีและผละไปโดยลืมกระเป๋าสตางค์ไว้
สาลินีวิ่งตามไปคืนพลอยถึงในตลาด เลยโดนชาติดีดหูโทษฐานข้ามเขตตามที่ตกลง
“ฉันเอากระเป๋าตังค์มาให้คุณป้า”
ชาติยักไหล่ไม่สนใจ “ผมต้องรู้ไหมว่าธุระของคุณคืออะไร ผมรู้แต่ว่าคุณข้ามเขตมา...กลับไปซะ เมื่อกี้สถานเบานะ ถ้ายังไม่ไปจะโดนลงโทษสถานหนัก”
สองหนุ่มสาวคู่ปรับคงเถียงกันอีกนาน ถ้าไพร คนเพลง หมอลำหนุ่มผู้ยึดมั่นอุดมการณ์จะไม่วิ่งพรวดผ่านมาเพราะถูกพวกมือปืนไล่ยิง พลอยหน้าซีดรีบร้องบอกให้คนช่วยเพราะไพรคือลูกชายคนหนึ่งของเธอ
ชาติตามไปช่วย โดยมีสาลินีตามป่วน กระทั่งช่วยไพรสำเร็จและพวกมือปืนถูกจับส่งตำรวจ พลอยโล่งใจมากที่เห็นลูกชายปลอดภัย พร่ำขอร้องให้เขาเลิกร้องเพลงยั่วโมโหพวกนายทุน
“แต่ผมไม่เคยกลัว จนตอนนี้มันเลยเลิกกระทืบละ ให้คนมายิงผมแทน”
“งั้นก็เลิกร้องเถอะลูก วันอื่นคงไม่โชคดีอย่างนี้”
“ผมก็อยากเลิกแต่ผมเลิกไม่ได้ ตราบใดที่ชาวนายังโดนเอาเปรียบโดยพวกนายทุนกับนักการเมือง ผมต้องร้องเพลงเพื่อให้กำลังใจชาวนาต่อไป...ให้เขารู้ตัวว่าเขาสู้ได้และเขาต้องสู้!”
ooooooo










