ตอนที่ 3
“นั่นมิใช่คู่แท้”
“แล้วเมื่อไหร่กระผมจะได้พบคู่แท้ที่กระผมเฝ้าตามหาเธอล่ะขอรับ”
“พบแน่เมื่อถึงวันนั้น แต่...”
“อะไรหรือขอรับ”
“พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น”
เสริมสีหน้าผิดหวัง “แปลว่ากระผมไม่อาจเป็นคู่ครองของเธอได้”
“ได้สิ แต่ยังไม่ถึงเวลา อาตมาบอกโยมได้แค่นี้”
“เอ้อ...ถ้ากระผมจะบอกว่ากระผมเคยพบหลวงปู่แล้ว หลวงปู่จะเชื่อกระผมไหมขอรับ”
“พบที่ไหนรึโยม”
“ในความฝันขอรับ...หลวงปู่ทำพิธีแต่งงานให้กระผม”
“ช่างฝันจริงๆนะ”
“กระผมอยากให้ฝันนั้นเป็นจริง”
“ถึงเวลาก็จะเป็นจริง”
ooooooo
เสริมเก็บคำพูดของหลวงปู่มั่นไปคิดอย่างจริงจังแล้วตัดสินใจเด็ดขาด จะตามหาพลอยจนเจอให้ได้
“นางในฝัน...ต้องตามหาให้พบก่อนขวานจะบิ่น เราต้องลิขิตชะตาชีวิตของตัวเอง!”
กระนั้นโชคชะตาก็ไม่เข้าข้างเสริม พวกชาวบ้าน ที่เขาแวะเวียนไปถามต่างก็ไม่ไว้ใจเพราะเขาเป็นคนต่างถิ่น ทำให้เสริมต้องคลาดกับพลอยอย่างน่าเสียดายอีกรอบ
เสริมหอบความผิดหวังกลับบ้านที่พระนคร เจอนางพร้อมต้นห้องคนสนิทที่เพิ่งกลับจากเยี่ยมพี่สาว ที่ต่างจังหวัด นางพร้อมยิ้มกว้างดีใจ ทักทายเจ้านายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“กลับมาแล้วหรือคะ”
“คุณเสริมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามป้าพร้อม พี่สาวป้าพร้อมหายป่วยแล้วหรือจ๊ะถึงได้กลับมา”
“พี่เสียตั้งแต่เดือนที่แล้วค่ะ พอจัดการเรื่องศพเรื่องทำบุญเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับมา”
“ขนาดรีบกลับมานะนี่”
“ถ้ากลับช้ากว่านี้ห้องทำงานคุณเสริมคงต้องมีงูเลื้อยไปเลื้อยมาแน่ๆค่ะ รกยังกับป่าแน่ะ ว่าแต่คุณเสริมวาดรูปใครคะ หน้าตาสะสวย”
“นางในฝันจ้ะ เธอเป็นนางในฝันของคุณเสริม”
“แล้วมีอยู่จริงไหมคะ”
เสริมเล่าเรื่องพลอยหรือนางในฝันของเขาอย่างไม่ปิดบัง นางพร้อมโอดด้วยความสงสารและเห็นใจในความรักข้างเดียวของเขา เสริมไม่ยอมแพ้และไม่หวั่นคำพูดค่อนแคะของพ่อแม่ ยืนกรานจะรัก นางในฝันไปจนชาติหน้า...
ไม่ใช่แค่เสริมที่มีรักปักใจกับนางในฝัน ผีดาวเรืองที่สิงบนต้นไม้ใหญ่บ้านแสงก็เช่นกัน ยังวนเวียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่ยอมไปไหนจนเป็นที่หวาดผวาของคนทั้งบ้าน
พริ้งก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ แม้ยังไม่รู้แน่ว่าเจ้าของเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแถวต้นไม้ใหญ่คือใคร แต่ก็อกสั่นขวัญแขวน แถนหนึ่งในคนงานชายบ้านแสงที่แอบชอบพริ้งตั้งแต่แรกเห็น เห็นพริ้งเดินมาลำพังก็คิดปลุกปล้ำ!
เสียงกรีดร้องของพริ้งเรียกเดือนดาราให้วิ่งมาดู พร้อมคาดโทษแถนที่ลอบทำมิดีมิร้ายคนสนิทของเธอ พริ้งแค้นใจมาก ตั้งท่าจะกระทืบแถนให้หายแค้นแต่ถูกเดือนดาราห้ามไว้ กระทั่งแถนผละไปจึงหันมาเอาเรื่อง
“แกมาทำอะไรมืดๆตามลำพังแถวนี้นังพริ้ง ทำไมไม่รีบกลับไปห้องของแก”
“พริ้งกำลังรีบกลับเจ้าค่ะ แต่บังเอิญพริ้งหูฝาดได้ยินเสียงใครสะอื้นเลยชะงัก ไอ้แถนก็โดดมาปล้ำพริ้งเจ้าค่ะ”
“มันเลวมาก เอาอย่างนี้ ฉันจะขอคุณท่านทำห้องแกด้านหลังเรือนฉัน หรือว่าแกอยากจะโดนปล้ำแต่ทำยักท่า”
พริ้งดีใจมาก ยกมือไหว้ “เปล่าเจ้าค่ะ พริ้งขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ แต่คืนนี้พริ้งรู้สึกหวาดๆหนาวๆ เย็นๆยังไงพิกล ขอพริ้งไปนอนบนเรือนคุณผู้หญิงได้ไหมเจ้าคะ”
“ได้คืบจะเอาศอกนะแก รอจนกว่าห้องแกเสร็จค่อยมานอนห้องของแก ตอนนี้รีบไปให้ไวๆ”
จบคำสั่งพริ้งก็ผละไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งเดือน-ดาราให้รับมือเสียงสะอื้นปริศนาตามลำพัง
เดือนดาราหน้าเจื่อน กระนั้นก็ทำใจกล้าแหวลั่น
“อีบ้าไอ้บ้าที่ไหน ฉันไม่ใช่นางพริ้ง แกอย่ามาสะเออะล้อเล่นกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะลงโทษแก!”
ooooooo
เดือนดาราปัดเรื่องเสียงสะอื้นปริศนาทิ้ง รีบไปฟ้องผัวขอให้สร้างเรือนพักสำหรับพริ้ง แสงไม่ขัดเพราะไม่พอใจเช่นกันที่บริวารหนุ่มๆคิดทำมิดีมิร้ายคนสนิทของเมียรัก
“พรุ่งนี้พี่จะใช้ไอ้แถนกับพวกในสวนมาช่วยกันทำ วันเดียวก็เสร็จ”
“ขอบพระคุณที่เมตตาคนของน้องค่ะ”
“มันก็คนของเราทั้งนั้น ไม่ว่าผู้ใดในบ้านของเราพี่เมตตาหมด ขอบใจน้องที่ไม่เอาโทษมัน”
“คุณพี่เมตตาพวกมัน น้องก็เมตตาพวกมันค่ะ น้องดีใจที่คุณพี่ใจดีกับน้องเหลือเกิน ไม่เคยขัดใจน้องสักครั้ง ไม่ว่าน้องจะเอ่ยปากขอสิ่งใดคุณพี่ไม่เคยขัดสักครั้ง”
“พี่ให้น้องได้ทุกสิ่งแม้ดวงตา แต่อาจติดขัดถ้าน้องร้องขอดวงจันทร์และดวงดาว เพราะพี่ไม่อาจไขว่คว้ามาได้”
“น้องขอเพียงดวงใจของคุณพี่เท่านั้น ชีวิต
ก็มีสุขตลอดเวลา ขอเพียงรักน้องคนเดียวตลอดไป นะคะ”
“แน่นอน”
“ชื่นใจที่สุดค่ะ”
เดือนดาราควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างที่บ้านแสงได้ดีพอสมควร รวมทั้งเรื่องเด่นที่เพิ่งออกจากสถานกักกันเพื่อดัดสันดาน เธอก็ไปรับตัวแล้วพาไปส่งที่กระท่อมหลังเล็ก
เด่นเห็นเป็นเรือนไม้ซอมซ่อก็อดไม่ได้
จะโวยวายกับพี่สาว
“อะไรกันวะ นี่มันรังหนูเหมือนตอนที่เราอยู่กันสมัยเด็กๆชัดๆ”
“นี่แหละรังหนูสำหรับคนเกเรเกกมะเหรกอย่างแก ถ้าแกไม่อยากอยู่บ้านกระจอกแบบนี้ แกต้องทำงาน”
“มิต้องทำงานอะไรดอก มีพี่สาวรวยขนาดนี้”
“ตามใจ พี่จะไม่เอาเงินของผัวมาให้แกผลาญ แต่แค่เอามาแบ่งปันให้แกเดือนละสิบบาท บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องหาเงินมาซื้อ เท่านี้ก็บุญถมเถ แกต้องอยู่ให้ได้”










