ตอนที่ 15
เมื่อใหญ่พาคำแพงแวะไปทักทายพ่อค้าแม่ค้าในตลาดพระลาน แน่นอนว่าเขาสองคนโดนรุมล้อมด้วยความรักและศรัทธาไม่เสื่อมคลาย ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้สารวัตรใหญ่ย้ายกลับมาอยู่ที่พระลาน
“เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ครับ แต่ยังไงพระลานก็เป็นบ้านหลังที่สองของผมอยู่แล้ว”
“ตอนนี้พวกชาวบ้านรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ไม่ต่างคนต่างอยู่เหมือนเมื่อก่อนเลยครับ”
“ยินดีด้วยครับ ยังไงก็ต้องใช้พลังของมวลชนไปในทางที่ถูกต้องนะครับ อย่าให้ใครชักจูงไปง่ายๆ”
“คุณใหญ่คะ คำแพงขอไปดูตรงโน้นก่อนนะคะ”
คำแพงแยกตัวออกไปทางกลุ่มแม่บ้านตำรวจ ยินดีกับทุกคนที่ขายครีมแตงกวามีรายได้เป็นกอบเป็นกำ บางคนโชคดีมีช่องทางนำไปขายภายในห้างสรรพสินค้า ถือว่ามั่นคงและอาจเติบโตเป็นรายได้หลักของครอบครัว
อรไทตัดสินใจกลับไปอยู่กรุงเทพฯกับพ่อแม่และหางานทำที่โน่นเลย เธอเจอใหญ่จึงมีโอกาสบอกลาเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใหญ่อวยพรให้โชคดี ซึ่งเขาเชื่อว่าคนดีอย่างเธอตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้แน่นอน
ถึงวันที่ใหญ่ต้องไปให้การในศาล เป็นวันที่เสี่ยน้อยขึ้นศาลด้วยเช่นกัน สองคนเจอกันตรงหน้าห้องพิจารณาคดี เสี่ยน้อยในสภาพถูกใส่โซ่ตรวนจิกตามองใหญ่อย่างเคียดแค้น กล่าวโทษว่าเขาคือต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น
“ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนร้ายถูกจับเข้าคุก แต่เสี่ยน้อยเป็นต้นเหตุของปัญหาสังคมครับ”
ผู้คุมพาเสี่ยน้อยเดินต่อไป ใหญ่บีบมือคำแพงที่มีท่าทีหวาดกลัวสายตาอาฆาตแค้นของเสี่ยน้อยก่อนจะพากันเดินเข้าห้องพิจารณาคดี
เมื่อขึ้นศาล เสี่ยน้อยได้รับการประกันตัว นักข่าวพากันรุมล้อมสัมภาษณ์เขาเป็นการใหญ่
“ทราบว่าตอนนี้เสี่ยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ เพราะจริงๆแล้วหลายคดีที่ผมโดนฟ้อง ผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย ผมเป็นเพียงแค่นายจ้างของนายนวคุณ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ลูกน้องผมมันดำเนินการไปโดยพลการ ไม่เกี่ยวกับผม”
“แต่ลูกน้องเสี่ยโดนยิงตาย แล้วเสี่ยก็เป็นผู้ต้องหาด้วยนี่ครับ”
“ผมแค่ป้องกันตัว ไอ้เนี้ยวมันจะฆ่าผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามัน”
“แต่ตำรวจให้การว่าเสี่ยเป็นคนยิง”
“พอๆ เรื่องนี้ผมจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น พอได้แล้ว”
เสี่ยน้อยตัดบท เดินหนีนักข่าวไปทันที แต่ไม่ทันได้ขึ้นรถ เสี่ยน้อยก็ถูกวางระเบิดตายคาที่ด้วยฝีมือของจาตุรนต์ที่จ้างคนจัดการ ทั้งที่ความจริงอเนกกับกำนันฉลองโชคก็จ้องจะเล่นงานเสี่ยน้อยเหมือนกันเพื่อเป็นการตัดตอนไม่ให้ซัดทอดมาถึงตน










