ตอนที่ 11
“ขอโทษที่หลุดปาก ความจริงผมไม่อยากพูดเรื่องนี้เลย”
จำเทิดหลงกลทันที ขอตอบแทนด้วยการเลี้ยงข้าวแต่ความจริงต้องการสืบเรื่องราวที่อีกฝ่ายพูดทิ้งค้างเอาไว้ ซึ่งเข้าทางนวคุณอย่างจัง
นวคุณเจาะจงชวนจำเทิดมาที่ร้านคุ้นเคยอย่างเผด็จโภชนาเพื่อจะได้คุยกันสะดวกและส่วนตัว หารู้ไม่ว่าอรไทแอบสอดส่องและพยายามอัดเสียงสนทนานั้นไว้
“เรากินไปคุยกันไปนะครับ พอดีผมอยากรู้เรื่องที่คุณพูดว่าพระลานเป็นแดนอาชญากรรมน่ะครับ”
“โอเค ห้องนี้ปลอดภัย ไม่มีคนอื่นแบบนี้ผมค่อยพูดได้เต็มที่หน่อย”
“ตั้งแต่แรกที่ผมเข้าเมืองนี้มา เวลาถามถึงตำรวจกับสารวัตรที่นี่ ก็จะมีแต่คนพูดชื่นชม มีแต่คุณนี่แหละที่พูดไม่เหมือนคนอื่น”
“ที่คุณได้ยินคำชื่นชมน่ะมันเป็นคำพูดที่โดนสั่งเอาไว้ว่าทุกคนต้องพูดแบบนี้ หากมีคนไม่เชื่อฟังก็จะอยู่เมืองนี้ไม่ได้ ชาวบ้านพระลานจริงๆแล้วหน้าชื่นอกตรมกันทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าพูดความจริงหรอกครับ”
นวคุณเล่นละครได้เนียนมาก ใส่สีตีไข่เล่าเรื่องความร้ายกาจของสารวัตรใหญ่เสียจนจำเทิดนั่งฟังหูผึ่ง
ooooooo
เช้าวันถัดมาใหญ่เรียกกอบเกียรติมาพบเพื่อทวงถามเอกสารคดีป้าสำอางที่มอบหมาย แต่กอบเกียรติกลับบอกว่ายังรวบรวมไม่เรียบร้อยทั้งที่วันนี้ครบกำหนดเวลาแล้ว ใหญ่ใจเย็นมากบอกให้เอามาเท่าที่มี แต่ลูกน้องก็ยังอ้ำอึ้งอยู่อีก
ในที่สุดใหญ่ก็ต้องพูดตรงๆ “อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบเท่ากับยอมรับ ใหญ่จึงหมดความอดทน “บอกความจริงผมมา ทำไมการทำงานของคุณถึงได้ยืดเยื้อไม่อยู่ในกรอบเวลา หรือว่าคุณมีส่วนได้เสียอะไรกับเรื่องนี้”
“ไม่มีครับ ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไร เพียงแต่...พูดไปสารวัตรก็คงไม่เข้าใจหรอกครับ”
“คุณกลัวผมไม่เข้าใจ หรือว่าคุณกำลังกลัวอิทธิพลจากคนอื่น...เสี่ยน้อยใช่ไหม”
กอบเกียรติหน้าเสียเพราะใหญ่จี้ใจดำเข้าอย่างจัง
“กอบเกียรติ...คุณเป็นตำรวจ เครื่องแบบของคุณมันเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมาย เจ้านายของคุณคือประชาชน หยาดเหงื่อแรงกายที่พวกเขาเสียสละมาเป็นเงินเดือนของคุณ ถึงมันจะน้อย แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณกินอิ่ม หลับสบาย คุณควรสำนึกในบุญคุณของเงินก้อนนี้และตอบแทนเจ้านายของคุณด้วยการทำคดีอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณก็ควรถอดเครื่องแบบทิ้งแล้วลาออกไป เพราะผมรู้สึกสะอิดสะเอียนที่จะต้องร่วมงานกับตำรวจอย่างคุณ”










