ตอนที่ 13
“ว่าไงเจ้าคุณกลาโหม แต่เดี๋ยว...ขอให้ตัดสินอย่างยุติธรรม มึงไม่ถูกกับไอ้พลเทพแต่มึงต้องยุติธรรม กูรู้ว่าหมู่ขุนนางของกูมันแบ่งหลายฝักหลายฝ่ายนัก ใครเป็นฝ่ายใด ใครเป็นอีกฝ่ายกูก็รู้ กูจึงเวทนาตัวเองนักที่คนของกูนั้นมิได้ทำให้กูวางใจ มิได้ทำให้กูนอนใจได้เลยว่าจะร่วมมือกันช่วยกรุงศรีอยุธยาให้รอดปลอดภัย แต่เอาเถิด ชะตากรุงศรีจะเป็นอย่างใดก็ให้เป็นอย่างนั้น เพราะมันเหลือกำลังที่ใครคนหนึ่งคนเดียวจะนำพาหรอก...ว่าไงเจ้าคุณกลาโหม”
“ข้าพุทธเจ้าคิดว่าเจ้าคุณพลเทพร่วมมือกับขุนทิพเทศาลักลอบส่งเสบียงอาหารให้ข้าศึก...เป็นความจริงพุทธเจ้าค่ะ หาไม่นายบ่าวคงไม่ถึงฆ่ากันตายพุทธเจ้าค่ะ”
“ไม่จริง...ไม่จริงพุทธเจ้าค่ะ” พระยาพลเทพค้านคำพูดของเจ้าคุณกลาโหมเสียงแข็ง
พระวิชิตปรีชาพูดความจริงอีกว่า “ข้าพุทธเจ้ายืนยัน ที่บ้านขุนทิพเทศาอยู่กันสุขสบาย การกินการอยู่อิ่มหมีพีมัน ลูกชายของกระผมบอกกระผมว่าได้อาหารเหล่านั้นมาจากเจ้าคุณพลเทพผู้มีหน้าที่จัดหาอาหารและเสบียงกรังให้ทหาร”
“เป็นอันว่าเจ้าคุณกลาโหม...เชื่อว่าไอ้พลเทพทำผิดจริง”
“พุทธเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ กูจะตัดสิน”
“ขอเดชะ ข้าพุทธเจ้ามีความจะกราบทูลให้ทรงทราบพุทธเจ้าค่ะ เพื่อขุนหลวงจะได้ใช้ตัดสินด้วย”
“ว่าไป”
“เรื่องขุนทิพเทศามีเสบียงอาหารมากมายที่เรือนของมัน ข้าพุทธเจ้าสงสัยอยู่นาน เฝ้าดูจนจับได้ว่าขุนทิพเทศาลักขโมยอาหารในคลังอาหารของกองฉางหลวง แต่จะเอาไปที่ใดไม่แจ้ง ข้าพุทธเจ้าจับได้คาหนังคาเขาและได้ลงโทษมันไปแล้วพุทธเจ้าค่ะ” พระยาพลเทพเล่าความเท็จ หลวงไกรรู้ทันทำท่าจะตอบโต้แต่หลวงเทพบีบแขนปราม
“มีผู้ใดรู้เห็นเหตุการณ์ที่ขุนทิพโดนเจ้าคุณพลเทพลงโทษบ้าง” เจ้าคุณกลาโหมซัก
“บ่าวไพร่ของกระผมเห็นทุกคน พวกมันเป็นพยานยืนยันได้ขอรับ”
“บ่าวไพร่เป็นพวกเดียวกัน สั่งกันไว้แล้วน่ะสิ”
“กูมีพยาน มึงล่ะไอ้ไกร มึงมีพยานเป็นบ่าวสถุลอยู่คนเดียว ยังไม่มีใครได้ยินเสียงมันแม้แต่คำเดียว จะไม่มีวันได้ยินเพราะมันตายตกตามไอ้ขุนทิพไป” พระยาพลเทพตอบโต้หลวงไกรก่อนจะหันมาทางเจ้าคุณกลาโหม “แล้วขุนทิพขโมยอาหารไปกินเอง คงมิได้ส่งให้ข้าศึกหรอกขอรับ”
“ลูกชายของกระผมมิใช่คนกล้าหาญ แท้ที่จริงเป็นคนขี้ขลาดด้วยซ้ำ งานใหญ่เช่นนี้เขาทำคนเดียวมิได้ขอรับ”
“ไอ้วิชิต กูบอกแล้วว่าไอ้ขุนทิพมันไม่ได้ทรยศ”
“มีพ่อที่ไหนปรักปรำลูก”
“ก็มึงไง มึงไม่รักลูกชาย มันก็ไม่รักมึง มึงพบกันทุกครั้งทะเลาะตบตีกันเสมอๆ กูรู้มาจากใคร ได้ยินแล้วมึงจะพูดไม่ออก อีปริกเมียมึง แม่ไอ้ขุนทิพนั่นแหละเว้ย เล่าให้กูฟังว่ามึงน่ะเจ้าชู้มากเมีย ทิ้งมันเลี้ยงลูกคือ
ไอ้ขุนทิพ...อย่างนี้มึงปรักปรำลูกมึงก็มิแปลกอันใด”










