ตอนที่ 14
สิรินทร์ไม่แคร์ ยืนกรานจะไป นพคุณขู่ถ้าไปเราขาดกัน สิรินทร์ยืดอกบอกให้เขาเซ็นใบหย่ารอไว้ได้เลย พูดจบเดินออกไป นพคุณโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
มธุรสโทร.ตามหมอพัลลภให้มาช่วยดูอาการเฟื่องทอง เขาออกมาบอกฟ้าทองว่า
“สมองคนไข้ได้รับความกระทบกระเทือน หมอผ่าตัดต้องเปิดกะโหลก...ซี่โครงหักหลายซี่ กระดูกบางส่วนร้าว อาการยังไม่น่าไว้ใจ”
ฟ้าทองทรุดลงร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก พัลลภให้กลับไปพักผ่อน อย่าเครียดเพราะถ้าเป็นอะไรไปอีกคนจะแย่กันไปใหญ่...ฟ้าทองเดินเบลอมาตามทางเดิน
ในโรงพยาบาล เสียงวีระเรียก เธอมองไปเห็นชุดายืนยิ้มเยาะก็ปรี๊ดขึ้นมา
“อีชุ! กรี๊ด...มึงมาทำไม มาเยาะเย้ยพี่เฟื่องเหรอ” ฟ้าทองปราดเข้าตบชุดาหลายฉาด
เพลากับมธุรสมาถึงช่วยกันจับแยก ชุดาโวยวายจิกเรียกฟ้าทองอย่างหยาบคาย วีระตวาดไล่ให้เธอกลับไป ชุดาตกใจเดินร้องไห้กลับไป มธุรสกอดฟ้าทองที่ยังร้องไห้ สิรินทร์มาถึงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น วีระรู้สึกผิด เพลาบอกให้เขาใจเย็น ค่อยๆคิดค่อยๆแก้ไข แล้วหันไปบอกสิรินทร์
“คุณเฟื่องยังไม่รู้ตัวหรอกครับ ไม่คิดว่าคู่กรณีจะมาเจอกันที่นี่อีก”
“อ๋อ ดิฉันพอเข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นเรากลับกันก่อนดีไหม”
วีระไม่กลับจะขออยู่รอจนกว่าเฟื่องทองจะฟื้น มธุรสคิดว่าเราควรมาคุยกันหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดีกว่า ทุกคนเห็นด้วย วีระจึงชวนไปคุยที่บ้าน ฟ้าทองขอกลับรถวีระอ้างว่าขับรถไม่ไหว สิรินทร์มองทั้งสองคนอย่างสงสัยในความสัมพันธ์
ooooooo
ในบ้าน วันแอบฟังการสนทนาของทุกคนอยู่มุมหนึ่ง มธุรสภาวนาขออย่าให้เฟื่องทองเป็นอะไรมาก เพลาถามวีระจะทำอย่างไรต่อไป
“ถ้าเฟื่องไม่ให้อภัยผม ผมก็คงคิดต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ผมมืดไปหมดแล้วครับคุณเพลา”
สิรินทร์แย็บว่า ผู้หญิงต่างจากผู้ชาย วีระไม่เข้าใจ เธอขยายความว่า
“เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ยุคนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็นควายอีกแล้ว ใช่ไหมรส”
“ใช่ แต่กว่าจะเลิกเป็นควายได้ เราก็เสียน้ำตากันไม่รู้เท่าไหร่ พวกผู้ชายไม่มีวันรู้หรอก”
“น่าคุณรส อย่าเพิ่งมาเหน็บแนมอะไรตอนนี้เลย ตอนนี้ผมก็รับกรรมอยู่คุณก็เห็นนี่”
ฟ้าทองพูดด้วยความคับแค้นใจ ถามวีระจะทำอย่างไรกับชุดา เมื่อเฟื่องทองรู้เรื่องแล้ว สิรินทร์รู้สึกว่าทั้งสองกำลังจะเถียงกัน จึงแทรกขอตัวกลับ
“กลับก่อนเถอะจ้ะรส บางทีเรื่องในครอบครัวก็ต้องให้คนในครอบครัวเขาเคลียร์กันเอง”
เพลาเห็นด้วย...มธุรสรู้สึกว่าเพื่อนพูดแปลกๆ เหมือนรู้อะไร จึงตามไปถาม สิรินทร์บอก
“เฟื่องคุมคุณวีระแจตลอดเวลา ไม่มีเวลาไปเหลวไหลที่ไหน เว้นแต่กับคนใกล้ตัวเท่านั้น ทีนี้รู้หรือยังล่ะ”










