ตอนที่ 9
สมคิดสืบเกี่ยวกับตัวสินธรได้ความมารายงานนิราศว่าสินธรเป็นนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อม เขาทำงานกับองค์กรต่างประเทศที่จะมาตั้งออฟฟิศที่กรุงเทพฯเร็วๆนี้
สมคิดบอกว่าตนติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่ดักทางไว้แล้วว่าโรงงานของเราพร้อมรับการตรวจสอบว่าไม่ได้เอาเปรียบใคร ดูท่าว่าจะเจรจากันได้ นิราศบอกว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องสนใจคนระดับสินธรแล้ว สมคิดถามว่าจะให้ตนคุยกับกำนันเรื่องเงินมัดจำอีกไหม
“ฉันไม่จำเป็นต้องต่อรองกับคนพรรค์นั้นแล้ว เพราะคนที่ฉันจะคุยด้วยไม่ใช่กำนัน แต่เป็นเจ้าของเรือนที่อยู่ที่เรือนนั้น”
“ครับ คุณนิราศ” สมคิดรับทราบทั้งที่ยังงง
ooooooo
สินธรกับอัปสรกลับมาที่เรือนจางวางพ่วงอีกครั้ง เจอลูกน้องกำนันที่มาเฝ้าไม่ให้ใครขึ้นเรือน สินธรจึงชวนกลับก่อนคืนนี้ตอนดึกๆค่อยมาดีกว่า พวกนั้นคงไม่เฝ้าทั้งคืน
อัปสรเห็นด้วยว่าตอนดึกค่อยกลับมาให้รู้ไปเลยว่าที่ตนเห็นเป็นผีหรือคนกันแน่
ส่วนผีจางวางพ่วง สุด กับอ่ำ เห็นสินธรกับอัปสรมาที่เรือน สุดดีใจที่เอื้อยปลอดภัย อ่ำรำพึงเศร้าว่าถ้าไม่ถูกสะกดไว้บนเรือน เราคงได้ไปเกิดร่วมชาติ ได้กลับไปเป็นพี่น้องร่วมวงกันอย่างเคยแล้ว
พิกุลพูดแทรกขึ้นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความหลงของตน ทุกคนจึงต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ ตนเป็นคนผูกก็ขอให้เวรกรรมตกอยู่กับตนคนเดียวเถอะ เพียรถามว่าเลิกผูกอาฆาตพยาบาทคุณหลวงไม่ได้รึ มันมีแต่จะทำให้ตัวเองร้อนรุ่ม เมื่อถึงวันที่ต้องจากไปก็จะไปอย่างมีไฟสุมอกด้วย
“ไฟที่สุมอกฉัน จะมอดก็ต่อเมื่อฉันได้เห็นว่าเขาทรมานไม่ต่างจากฉันเท่านั้น...คนผิดต้องได้รับผิด สิ่งใดที่ทำไปแล้วก็เกินที่จะเปลี่ยนเป็นอื่นได้ มีแต่จะต้องได้รับผลของการกระทำเท่านั้น”
พิกุลจิกไม่ปล่อยแล้วลุกเดินไป ทุกคนได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
สินธรกับอัปสรจะไปกินขนมจีนที่ร้านอิ่ม พออิ่มเห็นอัปสรก็ด่าทันทีว่า ลูกสาวตาเปรื่องถูกเมียหลวงไล่ตบจนตลาดแตก ช่างไวไฟ ไม่ทันไรก็หาผู้ชายใหม่มาควงเล่นแล้ว อัปสรฉุนขาดถามอิ่มว่าอยากมีเรื่องหรือ สินธรบอกให้พอเถอะอายเขา
แต่พริกก็ราข่าก็แรง ทั้งอิ่มและอัปสรต่างไม่ยอมกัน อัปสรเอาจานขนมจีนจะเขวี้ยงใส่อิ่ม สินธรแตะมือห้ามแต่อัปสรไม่ยอม สินธรเลยอุ้มไปต่อหน้าทุกคนที่มามุง อิ่มมองตามไปอย่างเจ็บใจ
“อีสร มึงกล้าโผล่หน้ามาอีกล่ะก็ ไม่ได้กลับไปดีๆแบบวันนี้แน่”










