ตอนที่ 13
วันต่อมามีนาได้รับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ใส่หูกระต่าย คนส่งบอกว่าที่อยู่ไม่ชัดเจนทำให้การส่งล่าช้า มีนาเห็นการ์ดส่งมาจากไตรภพก็น้ำตาร่วงพรู เพราะเขาจากไปเป็นสัปดาห์แล้ว
มีนาอ่านการ์ดน้ำตานองหน้า “สุขสันต์วันเกิดน้องรักของพี่ พี่ขอให้น้องสาวของพี่คนนี้มีความสุขจะได้ยิ้มเยอะๆ เพราะเวลาที่น้องยิ้ม มันทำให้โลกสดใสมากรู้ตัวไหม เก็บตุ๊กตาตัวนี้เอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเด็ดขาด ถ้าวันไหนที่พี่ไม่อยู่แล้ว เราต้องเข้มแข็งนะคะ รักน้องสาวคนนี้เสมอ และจะรักตลอดไป...พี่มิค”
มีนาร้องไห้สะอึกสะอื้น หยิบโทรศัพท์มาโทร.หาลวิตา ขอให้มาหาที่บ้านเพราะตอนนี้พ่อไม่อยู่...เวลาผ่านไป ลวิตามาถึงนั่งคุยกับมีนาในสวน ได้อ่านการ์ดของไตรภพ มีนาตั้งข้อสงสัยว่า ไตรภพเหมือนรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ตนอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลวิตาจับแขนมีนาอย่างสงสารและบอกเธอว่า การไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่คนโง่ ชีวิตจะมีความสุขมากกว่า
หลังจากนั้นลวิตากลับมาถึงคอนโด โฉมฉายทำหน้าลำบากใจก่อนจะบอกเธอว่ามีตำรวจมาขอพบ ลวิตาแปลกใจ ตำรวจขอเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจเพราะสงสัยว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับการตายของไตรภพ ลวิตาตกใจ โฉมฉายรีบโทร.ไปบอกปวัตร
ลวิตามาถึงโรงพัก ตำรวจเอาถุงใส่ปืนที่เก็บเป็นหลักฐานออกมาวางตรงหน้า
“นี่คืออาวุธที่ใช้ฆ่าคุณไตรภพ เราพบมันหล่นอยู่ไม่ห่างจากจุดพบศพ จากการตรวจสอบรอยนิ้วมือบนปืน เราพบว่าเป็นรอยนิ้วมือของคุณ...”
“ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันไม่ได้ฆ่าเขา ฉันถูกใส่ร้าย”
“ถ้าคุณไม่ได้ทำ แล้วมีรอยนิ้วมือคุณได้ยังไง” ตำรวจจ้องหน้าลวิตาจับผิด...
ก่อนหน้านี้ เสี่ยมนูญจ้างให้แม่บ้านคอนโดชวนลวิตาถ่ายเซลฟี่ โดยที่ลวิตาไม่รู้ว่ามีฟิล์มติดอยู่ที่ด้านหลังโทรศัพท์ แล้วแม่บ้านเอาฟิล์มลายนิ้วมือนั้น
มาให้เขา
ปวัตรและเอกพาทนายมาช่วยลวิตาที่โรงพัก ทนายพูดแง่กฎหมายกับตำรวจ ว่าไม่มีสิทธิ์จับลูกความตน ลูกความถูกใส่ร้ายเพราะยิงปืนไม่เป็นจะยิงตัดขั้วหัวใจผู้ตายได้อย่างไร ตำรวจควรจะเป็นฝ่ายสืบหาว่าทำไมรอยนิ้วมือเธอถึงไปอยู่บนปืนได้ ตำรวจพูดไม่ออก ทนายยังเน้น
“และที่สำคัญ ช่วงเวลาที่คุณไตรภพเสียชีวิต
มีพยานระบุได้ว่าคุณลวิตาอยู่กับเขา”
“ไหนล่ะครับพยาน”










