ตอนที่ 15
ที่แม่อาย ทอนรู้จากชาวบ้านว่าช่อเอื้องกับครอบครัวกลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวานก็เลยแวะมาเยี่ยมเยียน ไม่เห็นดาวนิลอยู่ด้วยก็ถามหา ช่อเอื้องน้ำตาคลอรื้นขึ้นมาทันที เขารู้สึกผิดที่เผลอตัวถามไปอย่างนั้น
“พี่ขอโทษ พี่เห็นครูคำปันยอมกลับมาแล้ว พี่ก็เลยนึกว่า...” ทอนยังพูดไม่ทันจบประโยค รินคำตามเข้ามากอดแขนเขาแสดงความเป็นเจ้าของ ต่อว่าว่ามาทำอะไรที่บ้านนี้ แล้วมองค้อนช่อเอื้องหนึ่งวง นี่ดาวนิลไม่ได้กลับมาด้วยใช่ไหม ทอนต้องปรามไม่ให้เธอพูดมาก แทนที่จะหยุดรินคำยิ่งปากเสียหนักข้อขึ้น
“อะไรล่ะ นี่พี่ยังอยากให้มันกลับมาอยู่ใช่ไหม แหม มันคงกลับหรอก ที่ผ่านมาเคยเห็นมันกลับมาเหรอไง รอจนตายก็ไม่มีวันได้เห็นมันที่แม่อายนี่อีกหรอก” เสียงแปดหลอดของรินคำได้ยินถึงหูคำปันซึ่งนั่งอยู่ในห้อง ถึงกับน้ำตาไหลพราก ทอนทนไม่ไหวสั่งให้รินคำหยุดพูด แล้วหันไปขอโทษช่อเอื้อง ไว้วันหลังจะมาคุยด้วยใหม่ จากนั้นลากแขนคนปากเสียกลับ ฝ่ายกลองผ่านมาเห็นคำปันร้องไห้เข้ามาเช็ดน้ำตาให้
“ตา...ตาไม่ร้องไห้นะ กลองไม่อยากเห็นตาร้องไห้”
“ตาก็ไม่อยากร้องแล้วลูก แต่น้ำตามันไม่หยุดไหลจริงๆ” คำปันดึงกลองมากอดเสียใจสุดๆ...
หลิวหลิวหมดปัญญาจะให้ดาวนิลออกมาพบ จึงต้องโกหกว่าทางช่องหาทางแก้ปัญหาให้เธอได้แล้ว
ให้รีบมาพบผู้บริหารช่องเป็นการด่วน เธอหลงเชื่อก็เลยมาตามนัด ต้องตกใจที่เห็นนักข่าวกลุ่มใหญ่มาออกันเต็มหน้าสถานีโทรทัศน์ รีบหลบจะไปเข้าประตูหลังเจอหลิวหลิวดักรออยู่ ดาวนิลต่อว่าทันทีไหนว่าทางช่องหาทางแก้ปัญหาให้ได้แล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาแจ้งว่าช่องต้องการให้เธอแถลงข่าวบอกความจริงกับประชาชน
“นี่แปลว่าพี่หลอกฉันมาที่นี่”
“ถ้าบอกตรงๆจะยอมมาเหรอคะ ช่องเรียกให้มาคุยก็มัวแต่หายตัวไปทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
ดาวนิลขอร้องหลิวหลิวอย่าซ้ำเติมกันแบบนี้เลยแค่นี้ชีวิตเธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว นักข่าวคนหนึ่งหันมาเห็นดาวนิลเข้าก็ร้องเอะอะพลางชี้ชวนให้เพื่อนพ้องนักข่าวด้วยกันดู ทุกคนต่างกรูกันเข้ามาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดาวนิลทนไม่ไหวเดินแหวกฝูงนักข่าวหนีไปหน้าตาเฉย ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของหลิวหลิว...
ทางด้านหนานเมืองเบื่อที่จะต้องสอนศิลปะล้านนาให้เด็กในหมู่บ้าน พอรู้จากรินคำว่าคำปันกลับมาแล้ว คิดหาทางจะโยนความรับผิดชอบนี้ให้เขาแทนที่
ooooooo
ช่อเอื้องเข้ามาเห็นพ่อกำลังรื้อพวกอุปกรณ์การแสดงที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นจะเอาไปยกให้คนอื่นที่เขาใช้ประโยชน์ได้ จึงคัดค้านว่ายกให้คนอื่นไปตั้งหลายชิ้นแล้ว ที่เหลืออยู่นี่มีแต่ชิ้นที่พ่อรักทั้งนั้น
คำปันไม่อยากเก็บเอาไว้ให้บาดใจ แล้วเอาผ้าคลุมกลองสะบัดชัยออกจะยกให้คนอื่นไปด้วย ช่อเอื้องขอเก็บกลองตัวนี้ไว้เอง เสียดายเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก คำปันไม่ยักรู้ว่าเธอสนใจมันด้วย
“ก็ตอนนี้ฉันสนใจแล้วนี่ไง พ่อจ๋า เรากลับมาแม่อายกันแล้ว เรามาเริ่มชีวิตใหม่ อย่าไปเสียใจกับอะไรที่มันผ่านไปแล้วเลยนะ” ช่อเอื้องทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ในใจกลัดหนอง
“มาบอกพ่อไม่ให้เสียใจ เราทำได้เหรอช่อเอื้อง บอกพ่อมาสิว่าเราทำได้เหรอ” คำพูดของพ่อทำเอาช่อเอื้องบ่อน้ำตาแตกไม่รู้จะตอบอย่างไร ระหว่างนั้น หนานเมืองแวะมาหา ร้องทักคำปันไปอยู่กรุงเทพฯมาไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายหรือหน้าตาถึงได้หม่นหมอง ขืนปล่อยไว้อย่างนี้จะยิ่งเฉา ถ้าอย่างนั้นมาช่วยตนดีกว่า ทอนขนเด็กชาวบ้านมาเรียนการแสดงศิลปะล้านนากับตน หวังจะให้สืบสานวัฒนธรรมอะไรก็ไม่รู้
“ฉันล่ะปวดกะบาล ครูไปสอนแทนฉันได้ไหม ใช้ลานที่บ้านฉันไปเลย ต้องใจเย็นอย่างครูถึงจะสอนได้”
ช่อเอื้องเห็นดีด้วย พ่อจะได้มีอะไรทำ อีกอย่างทอนก็เคยชวนพ่อตั้งนานแล้ว เข้าทางหนานเมืองทันที บอกให้ช่อเอื้องพาครูไปที่บ้านของตนพรุ่งนี้เลย เธอรับคำขณะที่คำปันได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร...










