ตอนที่ 14
ไม่นานนักเหิมกับวัชรีช่วยกันทำลายหลักฐานในห้องทำงาน เช็ดรอยเลือดที่กระเซ็นเปื้อนผนังและพื้น เช็ดหัวไม้กอล์ฟที่เธอใช้ตีรังสรรค์ แล้วเอาเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของทั้งคู่ใส่ถุงขยะ จากนั้นวัชรีเอาไปฝังดินเอาเศษใบไม้แห้งมาปิดไว้ ส่วนเหิมขับรถของรังสรรค์เข้ามาเก็บไว้ในโรงรถ เช็ดรอยนิ้วมือออก เอาผ้าคลุมรถอำพรางไว้...
ในเวลาต่อมาเทวัตประคองวิจารณ์ที่หัวใจแทบสลายเดินตามตำรวจมายังห้องดับจิตโดยมีดาญ่า เนตรสุดาและอารยะตามมาด้านหลัง ตำรวจรายงานว่าจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าจักรินคงจะดื่มเหล้าจนเมาและหกล้มหัวฟาดโต๊ะกระจกอย่างแรงเลือดออกจนเสียชีวิตกว่าจะมีคนไปพบก็ผ่านไปสองวันแล้ว
“ผมอนุญาตให้ท่านเศรษฐีเข้าไปพร้อมคนดูแลหนึ่งท่านครับ”
เทวัตอาสาเป็นคนพาวิจารณ์เข้าไปดูศพเอง
จากนั้นตำรวจพาทั้งคู่เข้าไปข้างใน เนตรสุดาที่ยืนรออยู่หน้าห้องกับดาญ่าและอารยะยกมือไหว้ท่วมหัวขออย่าให้เป็นศพจักรินเลย เห็นท่านเศรษฐีแล้วสงสารเหลือเกิน ดาญ่าเห็นด้วย พ่อต้องมาดูศพลูกมันโหดร้ายมากเกินรับไหว อารยะโยนให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ลูกที่ฟ้องร้องให้พ่อกลายเป็นคนไร้ความสามารถเพื่อจะฮุบมรดกก็เลยต้องลงเอยแบบนี้...
คำภาวนาของเนตรสุดาไม่เป็นผล ศพที่ตำรวจให้วิจารณ์ดูเป็นศพจักรินไม่ผิดตัว ท่านถึงกับเข่าอ่อน เทวัตต้องพยุงออกมาจากห้อง ดาญ่า อารยะและเนตรสุดามองลุ้นมาที่วิจารณ์ว่าใช่ศพจักรินหรือไม่ ท่านพยักหน้าช้าๆ ไม่มีน้ำตาให้เห็นมีเพียงเสียงแหบพร่าบอกว่านั่นเป็นศพของจักรินจริงๆ ทั้งสามคนพากันตกใจ
จังหวะนั้นจักราชกับจักรณลูกชายคนโตกับคนกลางของวิจารณ์เดินเข้ามายกมือไหว้พ่อถามว่าใช่ศพจักรินหรือเปล่า ท่านไม่ตอบได้แต่พยักหน้า แล้วหันไปทางเทวัต “เรากลับกันเถอะหลาน”
“ไอ้หนุ่มนั่นเป็นหลานฝ่ายไหนของคุณพ่อเหรอครับ ผมไม่ยักรู้จัก” จักราชมองเทวัตไม่วางตา
“อาจจะไม่ใช่หลานในไส้ แต่ก็ยังดีกว่าลูกในไส้” วิจารณ์แดกดันทำเอาจักราชกับจักรณหน้าเจื่อน
“ผมไม่อยากให้เรามาเถียงกันต่อหน้าคนอื่นที่แม้แต่ญาติก็ไม่ใช่”
วิจารณ์อยากรู้ว่าทั้งคู่จะเอาอย่างไรก็พูดมา จักราชขอคุยกับท่านตามลำพัง ท่านจะคุยด้วยก็ต่อเมื่อมีอารยะทนายความของท่านอยู่ด้วยไม่อย่างนั้นไม่คุย จักราชกับจักรณไม่พอใจแต่พูดอะไรไม่ได้
ooooooo










