ตอนที่ 13
“นี่นังหนู ถ้าข้าเป็นพวกมันเอ็งก็เป็นศพไปแล้ว คงไม่ได้มานั่งปั้นหน้าสงสัยข้าอยู่ได้หรอก ไอ้พวกนั้นมันทำแต่สิ่งชั่วร้าย เอ็งก็เห็นแล้วนี่เมื่อคืน ดีที่มันทำไม่สำเร็จ แถมเอ็งชิงเอาของมาได้”
“ลุงหมายถึงของที่หนูเอามาด้วยใช่ไหม เอ๊ะ มันหายไปไหน”
“อยู่นี่ ข้าเก็บไว้เอง สิ่งนี้มันมีทั้งคุณและโทษ มันอยู่ที่ว่าจะตกอยู่ในมือใคร ถ้าอยู่กับคนชั่วอย่างพวกมันก็จะมีแต่ความวิบัติเลวร้ายเกิดขึ้น โชคดีที่เอ็งชิงมาได้ซะก่อน ข้าขอเก็บไว้นะ เชื่อใจข้า ข้าไม่ใช่คนแบบพวกมัน”
“ได้จ้ะลุง ฉันก็ไม่อยากเก็บไว้ ฉันเชื่อว่าลุงเป็นคนดี”
อีกมุมของป่าที่อากาพะโยอยู่กับอูซาน เมื่อคืนอากาพะโยถูกคล้อยยิงขาบาดเจ็บ ขณะที่อูซานก็สูญเสียพลังไปเยอะ สองพ่อลูกจึงตกลงกันว่าต้องรักษาตัวสักระยะแล้วค่อยออกตามหาหนังเสือจากเจนจิตคืนมา
ส่วนคล้อยกับแคล้วที่ไม่เหลือสมุนติดตาม สองพ่อลูกตกอยู่ในสภาพอิดโรยท้อแท้ แต่ยังไงคล้อยก็ไม่ยอมแพ้ ต้องกลับมาเอาคืนศัตรูทุกคนให้ได้ แต่เวลานี้ต้องลากสังขารไปหาตัวช่วยก่อน
ooooooo
เจนจิตไว้ใจจอปาทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอคิดถึงแม่ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้ซึ้งแล้วว่าอคติของตัวเองส่งผลแย่ๆอย่างมหันต์
“หนูขอบคุณลุงมากนะคะ ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าคนดีคนชั่วนั้นเป็นยังไง มันให้บทเรียนที่เจ็บปวดกับชีวิต ถ้าหนูไม่เจอกับตัวก็คงเหมือนคนตาบอดแยกแยะถูกผิดไม่เป็น ก็สมควรแล้วที่ต้องเจอแบบนี้”
“อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วกลับไปแก้ไขคงไม่ได้ แต่หากรู้ว่าผิดแล้วสำนึกได้ ชีวิตมันยังไม่สายหรอกนะ”
“ค่ะลุง ถ้าหนูเชื่อแม่บ้าง หนูก็คงไม่เจอกับเรื่องแบบนี้ เพราะหนูเองที่ไม่เชื่อแม่ ไม่สนใจสิ่งที่แม่สอนเลย”
“จำไว้นะนังหนู พ่อแม่ทุกคนรักลูกเสมอ แม้ลูกจะเกเรเลวร้ายดื้อรั้นแค่ไหน ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก”
“แต่หนูตาบอดไงคะลุง คิดว่าแม่รักคนอื่นมากกว่าหนู คิดว่าแม่เกลียดหนู จริงๆแล้วไม่ใช่เลย”
“ข้าดีใจที่เอ็งคิดได้ แต่ยังมีลูกๆอีกเยอะที่ยังคิดแบบนั้นกับพ่อแม่”
“ลุงช่วยพาหนูกลับบ้านได้ไหม หนูอยากกลับบ้านค่ะ”
“ได้สิ ข้าคิดอยู่แล้ว ข้าไม่ปล่อยให้เอ็งไปเพียงลำพังแน่ ขืนปล่อยไปเอ็งได้หลงป่าโดนเสือคาบไปกิน หรือไม่ก็เจอไอ้พวกนั้น ไปนังหนู ข้าจะส่งเอ็งให้ถึงตัวเมือง”










