ตอนที่ 13
คล้อยสั่งสมุนเอาเชือกอาคมที่ตนทำไว้มามัดอูซาน ก่อนจะนำไปขังรวมกับอากาพะโย
“พวกมึงทำอะไรลูกกู” อากาพะโยแผดเสียง
“ตอนนี้ยังไม่หรอก แต่รอคืนวันพระจันทร์เต็มดวงก่อนเถอะ แกจะได้เห็นอะไรดีๆ”
“ไอ้โกหก! มึงได้หนังเสือมาแล้วทำไมไม่รักษาคำพูดวะ”
“ใครบอกแก ไม่ใช่ลูกชายแกที่เอามาให้ข้ามันทำงานไม่สำเร็จ ข้อตกลงของเราก็คือศูนย์ ต่อไปข้าจะทำเรื่องอื่นที่ข้าต้องการ ชีวิตและความตายของลูกแกจะทำให้ข้าได้สิ่งนั้น”
“กูจะฆ่ามึง!” อูซานคำรามลั่น
“เอาตัวให้รอดก่อนเถอะวะ ไอ้เสือสมิง” คล้อยยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป
เจนจิตจับตามองสองพ่อลูกอย่างเห็นใจทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่สภาพของพวกเขาน่าสงสารไม่ต่างจากเธอ
“อูซาน...อดทนไว้นะ พ่อต้องช่วยเจ้าให้ได้”
“ข้าไม่กลัวตาย แต่ข้าอยากฆ่ามัน”
“ใจเย็นๆ ถ้ามีโอกาสมันไม่รอดแน่” อากาพะโยแววตาวาวโรจน์ด้วยความแค้นที่แน่นอก
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้นกำพลตั้งใจจะไปหาซื้อของใช้ให้ซาเงแต่โดนจ่าชัยแซวหนักเลยต้องลากตัวไปด้วย ฝ่ายพิมพ์สายที่เมื่อคืนฝันร้ายว่าตะวันตกอยู่ในอันตรายโดนไฟลุกท่วมตัว เธอใจคอไม่ดีบ่นให้พ่อฟัง สวัสดิ์จึงปลอบลูกสาวก่อนจะออกไปปางไม้เพราะวันนี้ต้องขนไม้เข้าโรงงาน
เช้าวันเดียวกันยองตะมุกลับมาที่บ้านเชิงดอยพร้อมซันโท่ย เห็นสีหน้าท่าทางตะวันเหมือนคนป่วยจึงถามถวิลว่าลูกเป็นอะไร
ถวิลเล่าอาการเจ็บปวดทุรนทุรายของตะวันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง ยองตะมุคาดว่าต้องมีใครทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเสือสมิงเลยส่งผลมาถึงตะวัน
“แต่ก็ไม่น่าจะรุนแรงแบบนี้นะพี่”
“แสดงว่าคราวนี้มันต้องเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่ขลังมากๆ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันมีของอะไรที่ส่งผลมาถึงลูกได้มากขนาดนี้ พี่ว่าของนั่นต้องสำคัญและเกี่ยวพันกับจิตวิญญาณของเสือสมิงที่อยู่ในร่างของตะวันเป็นแน่ ไม่งั้นไม่มีทางส่งผลขนาดนี้หรอก”
“แล้วเราจะทำยังไงดี”
“พี่ก็ไม่รู้...ถ้าจอปาอยู่ก็คงดี จะได้หารือได้บ้าง ตอนนี้เราเหมือนมีศึกหลายด้าน แต่ต้องหาทางจบให้ได้สักเรื่อง”










