ตอนที่ 15
“ยิ่งฉันฟังเธอ ฉันยิ่งดีใจที่ลูกชายบอกให้ฉันอย่าเพิ่งเดินให้ใครเห็น”
“หมายความว่ายังไง”
“เพราะถ้าเดินเร็วฉันคงไม่เห็นสันดานคน” ลัดดาค่อยๆลุกขึ้นยืนและก้าวเดินห่างจากรถเข็น การบูรเห็นแล้วเหวอ ถามอย่างงงๆ
“นี่ตกลงไม่ได้พิการเหรอ”
“ฉันเจ็บแต่ไม่ถึงพิการ ยังรักษาได้ แต่คนประเภทเธอน่ะสิจิตใจพิการดูยังไงก็รักษาไม่ได้”
“เออ!! บูรมันจิตใจพิการ ตอแหล แต่บูรตอแหลก็ยังไม่ร้ายเท่าคนเป็นแม่ตอแหลลูกหรอกค่ะ จำเรื่องที่โรงแรมได้ไหมคะ คุณป้าร่วมจัดฉากและบีบพี่เอกให้รับบูรเป็นเมีย...ได้ยินชัดเจนไหมคะพี่เอก คนที่คิดแผนให้บูรนอนกับพี่ที่โรงแรมแล้วถ่ายรูปลงโซเชียล ก็แม่พี่นั่นแหละค่ะ...Happy Family นะคะ”
การบูรเผยธาตุแท้อย่างไม่แคร์แล้วเดินเชิดหน้าผ่านทุกคนออกไป ปล่อยให้ลัดดาเคลียร์ระเบิดที่ทิ้งไว้ เอาเอง
ooooooo
ลัดดาอึกๆอักๆมองหน้าสองคนไม่ติด เดินช้าๆ เพราะยังปวดสะโพกจะไปนั่งที่โซฟา หมอเอกรีบพยุงแม่ ส่วนอาริสาเดินตามหลังมาเงียบๆ
ลัดดาหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาพร้อมส่งเสียงโอดโอยเบาๆ แต่แค่นั้นหมอเอกกับอาริสาก็แสดงความเป็นห่วง
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“แม่ปวดสะโพก”
“แม่ต้องค่อยๆเดิน ยังเดินมากไม่ได้นะครับ”
ลัดดามองลูกชายอย่างรู้สึกผิดเรื่องยัดเยียดการบูร เอ่ยปากขอโทษลูก หมอไม่ได้โกรธตอบกลับว่า
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเชื่อว่าตอนนี้คุณแม่น่าจะรู้แล้วว่าสิ่งที่คุณแม่ทำมันถูกหรือผิด”
“แม่รู้แล้ว” ลัดดาเหลือบมองไปที่อาริสา ถามเสียงเรียบทั้งที่ใจยังอคติอยู่ “เธอตบการบูรทำไม จะปกป้องฉันทำไม มันใช่เรื่องของเธอเหรอ คิดว่าปกป้องฉัน แล้วฉันจะยอมให้เธอกลับมาคืนดีกับลูกชายฉันเหรอ”
“คุณแม่!” หมอเอกเสียงขุ่น แต่อาริสาตอบลัดดานิ่งๆว่า
“ริสาไม่ได้ทำเพราะจะกลับมาคืนดี แต่พูดตามความจริง”
“ถ้าไม่อยากคืนดีแล้วมาทำไม”
หมอเอกมองอาริสาเพราะอยากรู้เหมือนกัน และแอบหวังว่าเธอจะกลับมาคืนดีอีกครั้งหลังจากไม่มีป้องกุล
“ริสามาเยี่ยมคุณแม่ค่ะ”
หมอเอกผิดหวังหน้าจ๋อย ขณะที่ลัดดายังอคติไม่เลิก ถามว่า
“มาสมน้ำหน้าฉันเหรอ”
“คุณแม่น่าจะรู้ว่าริสาไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“แล้วไง? จะบอกว่าจะมาดูแลฉัน สังเวชฉันงั้นเหรอ ฉันไม่ต้องการให้เธอดูแล เธอก็เห็นว่าฉันเดินได้ ไม่ได้พิการอย่างที่คิด”
“แต่คุณแม่ยังเดินไม่แข็งแรงนะครับ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยมีเวลา ถ้ามีริสามาช่วยดูแลคุณแม่ ผมคงหายห่วงมากขึ้น”
“นี่เอกจะใช้แม่ให้เมียเก่ากลับมาบ้านบ่อยๆเหรอ”
หมอเอกอึ้ง ไม่คิดว่าแม่จะพูดตรงๆต่อหน้าอาริสา พยายามพูดไม่ให้เธออึดอัดใจ
“คือผมแค่ห่วงคุณแม่”
“ที่แม่พูดก็ห่วงเอก เพราะถ้าริสามา แล้วอีกคนล่ะจะไม่ตามมาแหกอกเอกกับริสาอีกเหรอ”
หมอเอกชะงักที่ลัดดาพูดถึงเกศิริน...กลัวเรื่องเกศิรินกระทบใจอาริสาขึ้นมาอีก
ooooooo
เวลานี้เองคนในบ้านไม่มีใครรู้เลยว่าเกศิรินมาจอดรถอยู่ข้างกำแพง เธอลงจากรถเดินไปที่ประตูรั้วมองเข้าไปในบ้านเพื่อดูสถานการณ์ว่าอาริสากลับมาอยู่กับหมอเอกเหมือนเดิมหรือเปล่า ภาพที่เห็นคืออาริสาเดินออกจากบ้านพร้อมหมอเอก
หมอเอกออกมาส่งอาริสาที่ขอตัวกลับ เกศิรินหาที่หลบมุมแอบมองจ้องเขม็งแม้ไม่ได้ยินว่าสองคนพูดอะไรกัน
“ขอบคุณนะริสาที่มาเยี่ยมคุณแม่”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อย่าฟังที่คุณแม่พูดเลยนะริสา ท่านเป็นคนพูดแรง แต่เพราะท่านห่วงผมและผมเชื่อว่าท่านก็อาจห่วงคุณ”
“ริสาเข้าใจค่ะ”
“ถ้าริสาว่างผมรบกวนแวะมาดูคุณแม่บ้าง พักนี้ผมต้องอยู่โรงพยาบาลทุกวัน”
“ถ้าริสาว่างจะมาดูคุณแม่ให้ค่ะ ริสากลับก่อนนะคะ”
อาริสาหันหลังจะไปแต่หมอเอกจับมือเธอไว้
“ขอบคุณนะครับ”
อาริสาไม่ตอบแต่ยิ้มรับคำขอบคุณและค่อยๆ
ดึงมือตัวเองออกจากมือเขา เกศิรินแอบถ่ายรูปทั้งคู่ไว้อย่างมีแผนการ ก่อนเดินกลับมาที่รถและขับออกไป...
ป้องกุลอยู่บ้านเปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย แต่เพราะไม่มีสมาธิเนื่องจากจิตใจว้าวุ่นแต่เรื่องอาริสาจึงเปลี่ยนช่องไปมาอย่างหงุดหงิด สักครู่เกศิริน
เข้ามาในสภาพใบหน้าแดงช้ำ ป้องกุลเห็นแล้วตกใจ รีบลุกไปถาม
“ทำไมหน้าแม่เป็นอย่างนั้น”
เกศิรินตีหน้าเศร้าเล่นละครฉากใหญ่
ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดรูปถ่ายของหมอเอกกับ
อาริสาให้ป้องกุลดู
“เพราะแม่ไปเจอภาพนี้มา”
ป้องกุลรับโทรศัพท์จากแม่มาและไล่ดูทุกรูปที่มีตั้งแต่หมอเอกกับอาริสาออกจากบ้านด้วยกัน จนจับมือกันก่อนอาริสาแยกจากไป เกศิรินจับสังเกตกิริยาอาการของลูกแล้วพูดขยี้ตอกย้ำเพื่อให้เขา
ตัดอาริสาให้ขาดเสียที
“เมื่อเช้าแม่เห็นป้องวิ่งออกไปนอกบ้าน แม่รู้ว่าป้องไม่ได้ไปหาไปรษณีย์ แต่ป้องคิดว่าริสามาหาป้องใช่ไหม”
ป้องกุลยังมองรูปบนหน้าจอโทรศัพท์นิ่งไม่ตอบ เกศิรินดูออกว่าลูกเจ็บแต่จำต้องเดินหน้าเพื่อให้ลูกตัดใจ
“แม่เลยไปหาริสาเพื่อจะไปขอโทษและขอให้ริสากลับมาหาป้อง”
“แม่ไปหาเขาแล้วทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้”
“เพราะแม่เจอริสาตอนที่เขาอยู่กับหมอเอก เขาเลยเข้าใจผิดคิดว่าแม่ยังไม่จบเรื่องหมอ แม่พยายามอธิบายว่าแม่มาพูดเรื่องป้องแต่ริสาไม่เชื่อ เขาไล่แม่...แล้วก็ตบแม่”










