ตอนที่ 15
ไม่เคยเยี่ยมจึงเฉไฉมองไปทางหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงกริ่งดัง
“ไม่รู้ใครมานะคะ เอ๊ะ หรือพี่เอกจะกลับมาแล้วคะ”
“ใครมาป้าไม่รู้หรอก แต่ที่ป้าอยากรู้...เธอมาทำไม”
การบูรหน้าเจื่อนไปนิดก่อนเอ่ยเสียงอ่อน “บูรก็มาเยี่ยมคุณป้าไงคะ”
“รู้ด้วยเหรอว่าป้าเจ็บ”
“บูรรู้ว่าคุณป้าโกรธที่บูรกับแม่ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้าที่โรงพยาบาล บูรต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ พอดีคุณลุงของบูรป่วยหนักเหมือนกัน บูรกับแม่เลยต้องรีบขึ้นเชียงใหม่เพื่อดูอาการ นี่คุณแม่ก็ร้อนใจจนต้องให้บูรบินกลับกรุงเทพฯ เพื่อมาเยี่ยมคุณป้า บูรกับแม่ห่วงคุณป้าจริงๆนะคะ”
“ห่วงฉันหรือห่วงตัวเอง หน้าฉันเหมือนคนโง่มากเหรอ”
“อะไรกันคะ”
“เธอกับแม่เธอไม่ได้ไปเชียงใหม่ เธอสองคนหลบเจ้าหนี้อยู่ในกรุงเทพฯนี่แหละ แล้วที่มาหาฉันวันนี้เพราะแม่เธอโดนฟ้องล้มละลาย บ้านจะโดนยึด ถึงรีบมาตอแหลสอพลอฉัน”
การบูรตกใจที่ลัดดารู้ลึกรู้จริงเรื่องหนี้สินแล้ว...ส่วนอาริสาที่ยืนหน้ารั้วบ้านเพิ่งเห็นรถการบูรก็ถามยิ้มที่วิ่งมาเปิดประตูว่า
“การบูรมาหาคุณแม่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นฉันฝากของเยี่ยมคุณแม่ด้วยนะ”
“คุณริสาไม่เอาเข้าไปให้คุณนายเองล่ะคะ”
“คุณแม่มีเพื่อนแล้ว คงไม่อยากเจอฉัน”
“แต่คุณริสารอเอาของไปให้เองเถอะค่ะ คุณการบูรอยู่คุยกับคุณนายไม่นานหรอก เดี๋ยวก็โดนไล่”
“โดนไล่?” อาริสาทวนคำด้วยสีหน้างงๆ
ooooooo
ลัดดาไม่เพียงจี้ใจดำการบูรจนไปต่อไม่เป็น แต่ยังจ้องหน้าเธอเขม็งอย่างหมดความเป็นมิตร
“พูดไม่ออกเลยเหรอ คงคิดว่าฉันไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของพวกเธอสินะ”
“เอ่อ...คือว่า...”
“จริงๆฉันรู้ปัญหาบ้านเธอมาระยะนึงแล้ว หนี้บางส่วนที่ฉันพอช่วยเธอได้ฉันก็จะช่วย ขอแค่เธอกับแม่จริงใจกับฉันและเอก”
“คือ...บูรก็จริงใจนะคะ”
“ตอแหล! เมื่อก่อนฉันอยากได้เธอเป็นสะใภ้ แต่ตอนนี้ฉันว่าเอกเจอผู้หญิงตอแหลมาพอแล้ว ฉันไม่ควรเอาผู้หญิงประเภทนั้นยัดเยียดให้เอกอีก”
ลัดดาระเบิดความอัดอั้น โกรธ และเสียความรู้สึกออกมา การบูรทนไม่ไหวสวนกลับทันควัน
“คุณป้าพูดผิดรึเปล่าคะ คนที่ต้องพูดว่ากำลังถูกยัดเยียดน่าจะเป็นบูรมากกว่านะคะ”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ”
การบูรลุกพรวดเดินมายืนค้ำหัวลัดดาแล้วแว้ดใส่ อย่างไม่กลัวและไม่แคร์
“คุณป้ามีเงินก็ไม่ได้หมายความว่าจะสั่งบูรได้ ใช่!! บ้านบูรมีหนี้ แต่บูรก็มีศักดิ์ศรี ลูกชายคุณป้าเป็นหมอแล้วไงคะ ผู้ชายคนอื่นรวยกว่าฉลาดกว่าก็ยังมีอีกตั้งเยอะ”
“หยุด!! หุบปาก!!”
“ไม่หยุด...จะทำไม บูรไม่จำเป็นต้องอดทนให้คนแก่แถมพิการมาชี้นิ้วสั่งบูรอย่างนี้”
ลัดดาโกรธจัดเอื้อมมือคว้าแก้วน้ำใกล้ตัวมาสาดใส่การบูรพร้อมตวาดไล่
“ออกไปจากบ้านฉัน แล้วไม่ต้องมาอีก”
“คุณป้าเก็บแรงไว้หายใจบนรถเข็นเถอะค่ะ ไม่ต้องเสียแรงมาไล่ เพราะบูรก็ไม่คิดจะมาที่นี่อีกอยู่แล้ว จะบอกให้ว่าลูกชายของคุณป้าไม่ได้น่าเอาขนาดนั้นหรอกค่ะ ทั้งแต่งงานแล้ว แถมยังโง่โดนผู้หญิงหลอก แถมยังมีแม่เป็นง่อยเพิ่มมาอีก”
“นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ตอนนี้ชีวิตแกมีแต่เปลือกยังไม่สำนึกอีก...อีผีบ้า”
ลัดดาทั้งด่าทั้งไขว่คว้าลุกขึ้นจะตบการบูรที่ยื่นหน้าเข้ามา แต่โดนการบูรจับล็อกมือไว้แล้ว
ด่าคืนอย่างแสบสัน
“แกสิอีผี!! รวยแต่เขี้ยวลากดิน อุตส่าห์ตกบันไดแต่ไม่ตายเพราะนรกยังไม่อยากต้อนรับ จากนี้ไปก็ขอให้สนุกกับการนั่งวีลแชร์นะอีผีง่อย”
การบูรผลักลัดดาลงนั่งกระแทกวีลแชร์อย่างแรงจนทำให้วีลแชร์ไถลถอยหลังพุ่งไปจะหล่นบันได ลัดดา ร้องลั่น ขณะที่การบูรก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะไม่ได้ตั้งใจทำรุนแรงขนาดนั้น แต่จะพุ่งไปช่วยก็ไม่ทัน ทำได้แค่ยืนช็อกอยู่อย่างนั้น
วีลแชร์ที่ลัดดานั่งกำลังจะตกบันได แต่ทันใดนั้นอาริสาพุ่งมาดันวีลแชร์ได้พอดี แล้วเข็นมายังจุดที่ปลอดภัยและล็อกล้อไว้ก่อนหันมองการบูรด้วยแววตาขุ่นขวาง เมื่อการบูรคว้ากระเป๋าตั้งท่าหนีปัญหา
อาริสาก็พุ่งไปตบเธอทันที
“ว้าย!! เธอมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน” การบูรกรีดร้อง
“เพราะเธอไม่มีสิทธิ์จะด่าคุณแม่อย่างนั้น เพราะตอนคุณแม่ดีๆ เธอกับแม่เธอก็แล่นมาหา พอคุณแม่เดินไม่ได้เธอก็พูดจาถ่อยๆแบบนี้ นี่ถ้าฉันมาช่วยคุณแม่ไว้ไม่ทันเธอโดนข้อหาเจตนาฆ่าแน่”
การบูรโกรธที่โดนด่า จะตบคืนแต่อาริสาสู้สุดฤทธิ์ เหวี่ยงการบูรลงพื้นแล้วชี้หน้าพูดอย่างเอาจริง
“ถ้าคุณลุกขึ้นมาตบฉันอีก ฉันจะไม่ผลัก แต่จะถีบให้ดู อยากลองก็ลุกมา”
“นังริสา!!!!!”
การบูรแผดเสียงพร้อมโผนเข้าใส่อาริสา แต่ไม่ทันได้จิกตบเพราะหมอเอกวิ่งเข้ามาห้ามไว้
“บูรหยุด!! หยุด!!”
หมอเอกจับทั้งคู่แยกจากกัน การบูรฮึดฮัดพูดเหน็บเขาอย่างมีอารมณ์
“พาเมียเก่ามาดูแลแม่ของพี่เหรอคะ เหมาะแล้วล่ะค่ะ การดูแลคนพิการเป็นหน้าที่ของพยาบาลและขี้ข้า เอ๊ย! ลูกสะใภ้อยู่แล้ว”
“อย่าดูถูกคนที่เขาทำเพื่อคนอื่น แต่ก็อย่างว่า ...ชีวิตบูรไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร แล้วจะให้เข้าใจคนอื่นมันก็คงยาก”
“จะปกป้อง ชื่นชมเมียเก่าของพี่ว่าดีงั้นเหรอ ถ้าดีแล้วโง่จนโดนผัวทิ้งแบบนี้ งั้นบูรเป็นคนเห็นแก่ตัวดีกว่า”
ลัดดานั่งบนรถเข็นสายตาจับจ้องการบูรตลอดเวลาอย่างโกรธจัด พูดโพล่งอย่างเหลืออด










