ตอนที่ 13
ป้องกุลชะงักเพราะคิดมาตลอดว่าอาริสาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกของเกศิริน
“ริสารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นแม่ผม ริสารู้มาก่อนเหรอว่าใครเป็นแม่ผม”
คำถามนั้นเล่นเอาอาริสาอึ้งชั่วครู่ที่ตัวเองเผลอพูดเอง เธอไม่กล้ายอมรับตอนนี้เพราะกลัวป้องกุลโกรธและเกลียดจึงแถไปก่อน
“ฉันยังไม่เห็นหน้าแม่เธอเลย”
“แล้วริสารู้ได้ยังไงว่าแม่ผมมา”
“คือ...เมื่อกี้ฉันลงไปข้างล่างแล้วได้ยินเสียงเธอกับผู้หญิงคุยกัน ผู้หญิงคนนั้นเรียกตัวเองว่าแม่ ฉันก็เลยหลบขึ้นมาบนห้องก่อน เพราะฉันกลัวแม่เธอรับไม่ได้ที่เธอมีแฟนแก่อย่างฉัน”
ป้องกุลฟังแล้วไม่ติดใจสงสัยอะไร เดินเข้ามากอดปลอบอาริสา
“ทำไมชอบพูดว่าตัวเองแก่...ถึงพี่จะแก่ แต่ผมก็รักของผมนะ”
อาริสาดีใจกอดตอบป้องกุลแน่น...กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่ได้ยินแบบนี้จากเขาอีก
“ฉันอยากได้ยินเธอบอกรักฉันทุกวัน”
“ผมก็อยากบอกรักริสาทุกวัน...ผมรักริสามากนะ ผมบอกรักตอนนี้เลยเพราะคืนนี้ผมคงอยู่กับริสาไม่ได้ ผมขอไปค้างกับแม่คืนนึงได้ไหมครับ พอดีแม่ผมไม่ค่อยสบาย”
อาริสามองป้องกุลอย่างสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมเกศิรินไม่อยู่กับหมอเอก แต่ไม่กล้าพูดอะไรนอกจากบอกว่า
“ได้สิ...แล้วเธอจะกลับเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้เที่ยงๆ...คิดถึงผมแล้วเหรอ”
“ยังมาพูดเล่นอีก...ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุย”
“เรื่องอะไร”
“ไว้พรุ่งนี้เธอกลับมาค่อยคุยก็ได้ เรายังมีเวลา รีบเก็บของเถอะเดี๋ยวแม่เธอรอ”
อาริสาหลบหน้าหันไปเปิดตู้เพื่อหยิบกระเป๋าให้ป้องกุลเก็บเสื้อผ้าไปค้างกับเกศิริน ป้องกุลสงสัยว่าอาริสามีเรื่องอะไรแต่กลัวเกศิรินจะขึ้นมาหาจึงเก็บของก่อน ไว้ค่อยคุยกับเธอทีหลัง
ooooooo
เกศิรินนั่งที่โซฟาพร้อมกวาดตามองรอบบ้านเผื่อจะเห็นรูปหรืออะไรที่ให้เห็นว่าผู้หญิงของป้องกุลเป็นใคร กระทั่งสะดุดที่กระเป๋าใบหนึ่ง แล้วหันมองไปทางบันไดเพื่อดูว่าป้องกุลลงมาหรือยัง
เมื่อเห็นว่าปลอดโปร่ง เกศิรินหันกลับมองกระเป๋าสงสัยว่าน่าจะเป็นของเพื่อนผู้หญิงที่เอามาค้างด้วยจึงตัดสินใจเดินไปหยิบมันมาเปิดดู ข้างในมีกระเป๋าเล็กๆสำหรับใส่เครื่องสำอาง แต่ที่เตะตาคือชุดพยาบาล
“แฟนป้องเป็นพยาบาลเหรอ” เกศิรินพึมพำเสียงแผ่ว
ขณะนั้นที่บนห้องป้องกุลเก็บเสื้อผ้าข้าวของจำเป็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีอาริสายืนข้างๆ เขาสวมกอดและหอมแก้มเธออย่างอ้อยอิ่ง
“อดนอนกอดเลย”
“นี่...รีบไปก่อนที่แม่เธอจะขึ้นมาเถอะ”
“ผมไปนะ แล้วผมจะโทร.หา”
ป้องกุลหอมอาริสาอีกครั้งก่อนหิ้วกระเป๋าออกจากห้อง ส่วนเกศิรินตอนนี้กลับมานั่งนิ่งที่โซฟาโดยวางกระเป๋าใบนั้นไว้ที่เดิมเหมือนไม่เคยแตะต้อง ป้องกุลเดินลงมาเพิ่งเห็นกระเป๋าของอาริสาถึงกับชะงัก แล้วมองเกศิรินอย่างเคลือบแคลงว่าเธอเห็นกระเป๋าหรือเปล่า
“ทำไมมองแม่อย่างนั้น...นั่นกระเป๋าเพื่อนลูกเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ กระเป๋าผมเอง ผมเอาเสื้อผ้าที่บ้านอาม่ามา”
ป้องกุลรีบหยิบกระเป๋าของอาริสาไปวางอีกที่ เกศิรินรู้ว่าลูกโกหกแต่ทำเป็นเนียนเพราะเข้าใจว่าเขาไม่อยากให้ยุ่งเรื่องส่วนตัว
“อ๋อ...งั้นเราไปกันเลยไหมลูก จะได้แวะซื้อของกินไปด้วย”
ป้องกุลตอบรับแล้วพาแม่ออกจากบ้าน เกศิรินแกล้งถามแซวลูกชาย
“บอกเพื่อนแล้วเหรอลูก”
“บอกแล้วครับ”
“เพื่อนไม่ว่าแม่แย่งป้องไปใช่มั้ย”
“ไม่ว่าครับ ไปเถอะครับ”
ป้องกุลรุนหลังเกศิรินออกจากบ้านแล้วปิดประตู อาริสาออกจากห้องนอนเดินลงบันไดมาแอบมอง...เห็นสองแม่ลูกนั่งรถออกไปด้วยกันก็ถอนใจอย่างโล่งอก
ooooooo
ค่ำคืนนั้นเอง การบูรออกจากตึกคอนโดของเกศิรินมาที่ลานจอดรถและคุยโทรศัพท์มือถือกับลัดดาไปด้วย
“ค่ะคุณป้า...บูรถามยามแล้วค่ะ ยามบอกว่าเห็นพี่เกศออกไปข้างนอกสักพักแล้วค่ะ ค่ะๆ บูรกำลังจะออก”
การบูรจะเดินไปที่รถตัวเอง จังหวะนี้รถคันหนึ่งเล่นเข้ามาจอดห่างออกไป การบูรเพ่งมองตาพองก๋าเมื่อเห็นชายหนุ่มลงจากฝั่งคนขับมาเปิดประตูให้เกศิริน
การบูรรีบหลบแอบดูพร้อมคุยโทรศัพท์กับลัดดา “คุณป้าคะ...พี่เกศกลับมาแล้วค่ะ มากับผู้ชายค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ บูรจะถ่ายรูปให้ค่ะ”
การบูรจัดการอย่างว่องไว เล็งมือถือเพื่อถ่ายรูปเกศิรินกับหนุ่มหล่อที่ช่วยกันหยิบถุงอาหารด้านหลังรถ
พอจะก้าวเดินเกศิรินที่ยังเวียนหัวมีอาการซวนเซเล็กน้อย ป้องกุลรีบกอดประคองแม่ไว้ แต่การบูรเข้าใจเตลิดเปิดเปิงในทางชู้สาวเพราะไม่รู้ว่าสองคนเป็นแม่ลูกกัน จึงถ่ายรูปรัวๆเก็บช็อตเด็ดนั้นไว้
เกศิรินเห็นป้องกุลห่วงตนก็รู้สึกดี เอื้อมมือลูบแก้มลูก “ขอบใจนะป้องที่มาดูแลแม่”
ป้องกุลยิ้มให้กำลังใจแม่แล้วประคองพากันเดินเข้าคอนโด การบูรคิดว่าตัวเองได้หลักฐานสำคัญรีบถ่ายทุกภาพเก็บไว้แล้วยิ้มอย่างพอใจ...
เช้าวันถัดมา เขมนั่งจิบกาแฟเผชิญหน้าอาริสาที่ท่าทางเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“เป็นไง เมื่อคืนได้นอนบ้างรึเปล่า แล้วโทร.บอกป้องรึยังว่าเธอย้ายมานอนบ้านฉันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ฉันส่งข้อความไปบอกแล้ว ไม่อยากโทร. กลัวเกศสงสัยว่าลูกคุยกับใคร”
“ตกลงเธอจะกลับมาอยู่นี่ก่อนใช่ไหม”
“ฉันรบกวนหน่อยนะเขม ฉันกลัวเกศจะโผล่ไปที่บ้านป้องแบบเมื่อวานอีก”










