ตอนที่ 13
“หนูก็อยากชดเชยความผิดเรื่องครูอารีเลยชวนแม่มามูลนิธินี้ด้วยกัน อยากขยายอาคารออกไปเพื่อรับเด็กเพิ่ม”
“แล้วไง...ฉันก็เป็นคนเลวที่ฆ่าได้ทั้งเด็กและคนพิการในสายตาคนอื่นอยู่ดี”
“แม่ไม่ต้องเข้มแข็งปกปิดความรู้สึกตลอดหรอกค่ะ แม่ก็เป็นมนุษย์ มีความรู้สึกผิดเหมือนกันใช่ไหมคะ”
“เอ๊ะ...นี่จะพูดขึ้นมาทำไมนะ”
“หนูเคยทำผิดเหมือนกับแม่ หนูเข้าใจดีว่ามันอึดอัดแค่ไหน หนูอยากให้แม่เล่ามันออกมา พูดออกมาเถอะค่ะ ถ้าแม่ได้สารภาพผิดกับใครสักคนแม่จะดีขึ้น”
คำปลอบประโลมของลูกสาวไม่ได้ทำให้เปรมจิตอารมณ์ดีแต่เครียดจัดจนช็อกถูกหามส่งโรงพยาบาล ปิ่นมุกสะเทือนใจและตกใจมากเมื่อหมอบอกว่าแม่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและอาจเป็นอัมพฤกษ์บางส่วน
ปิ่นมุกต้องปรับตัวเพื่อดูแลแม่ เช่นเดียวกับแฟรงค์ที่แคร์ความรู้สึกของดาวเหนือจนยอมเปลี่ยน เป้าหมายของตัวเองจากยึดทุกอย่างของธนานุวัตรเป็นขยายกิจการของแฟรงค์เบเกอรี
“ผมจะขยายธุรกิจแฟรงค์เบเกอรีโดยให้คนที่มูลนิธิเจ้าพระยาทำ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เด็กที่มูลนิธิทุกคนจะฝึกฝนการทำธุรกิจเบเกอรี ฝึกมันตั้งแต่เด็ก ...ดูซิมันยังจะหนีไปติดยาไปขายยากันอีกไหม นี่ไงเกมธุรกิจแบบวินวิน”
“เยี่ยมไปเลยค่ะ นี่สิสมองของคุณแฟรงค์ สุดยอดไปเลย”
“หนูถามผมว่าในเกมถ้ามีคนหนึ่งชนะต้องมีคนแพ้ใช่ไหม ผมคิดทั้งคืนจนได้คำตอบ...มันมีเกมที่ชนะทุกฝ่ายแบบวินวิน ต่อไปนี้ผมจะเล่นเกมแบบนั้น”
ดาวเหนือปลื้มใจมากโถมกอดพ่อบุญธรรม “แดดดี๊...หนูรักแดดดี๊ที่สุด”
“แค่นี้แหละที่ผมต้องการจากหนู...อย่าเกลียดผม”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจดาว”
“ดาวเหนือเป็นดาวฤกษ์ส่องแสงให้ดาวอื่นและจะอยู่ที่เดิม...อยู่ข้างความถูกต้องเสมอ”
ooooooo
พีระลาออกจากธนานุวัตรตามเปรมจิตและตัดสินใจพาจินดาอพยพไปต่างประเทศแต่ลูกสาวคนเดียวไม่ยอมไปเพราะอยากกลับไปเล่นดนตรีให้วงออเคสตราและใช้ชีวิตกับธนู อดีตผู้จัดการธนาคารค้านหัวชนฝา ยืนกรานเสียงแข็งให้จินดาเลิกกับธนูและย้ายไปต่างประเทศด้วยกัน
“ธนูเขาเป็นแฟนหนู นี่มันชีวิตหนู ความสุขของหนู หนูจะเลือกด้วยตัวเอง”
“ชีวิตหนูเป็นของพ่อ...ของพ่อ ได้ยินไหม!”
จินดาประสาทเสียเพราะไม่เคยเห็นพ่ออารมณ์รุนแรงขนาดนี้ เช่นเดียวกับเปรมจิตที่อึดอัดแทบคลั่ง ทั้งจากการสูญเสียธนานุวัตรและอาการเจ็บป่วยที่คาดไม่ถึง ปิ่นมุกเฝ้าแม่ไม่ห่างด้วยความเป็นห่วงอยากให้แม่ปล่อยวาง










