ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็พลิกไปอีกหน้าหนึ่ง เมื่อพรรค “ก้าวไกล” ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศถูกยุบ พรรค “ประชาชน” ก็ถูกปลุกขึ้นมาแทนที่พรรคประชาชนนั้นเป็นพรรคเก่าแก่ที่มีประวัติไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะก่อเกิดขึ้นมาหลังเกิดปัญหาขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ “เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์-วีระ มุสิกพงศ์” นำทีมกลุ่ม 10 มกราฯ ลาออกและได้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ภายใต้ชื่อพรรค “ประชาชน” แต่ก็ไปไม่ได้ไกลนัก เพราะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร สุดท้ายก็ต้องล้มหายตายจากไปหลังจากที่ “ก้าวไกล” ถูกยุบ จึงต้องไปหาพรรคใหม่สังกัดโดยเลือกชื่อพรรคว่า “ประชาชน” ความหมายก็ชัดเจนอยู่ในตัวแล้วคือโดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชนโดย สส.จาก “ก้าวไกล” ได้แสดงเจตจำนงสมัครเข้าสังกัดพรรคนี้ทั้งหมด ไม่มีแยกตัวไปเป็น “งูเห่า” แต่อย่างใดนั่นเท่ากับว่าชนะตั้งแต่ยกแรกเลยก็ว่าได้!“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ทำหน้าที่ เป็นเลขาธิการพรรค ว่ากันว่าคนนี้นอกจากมีความสามารถในการประสานงานค่อนข้าง ดีแล้วยังได้รับความไว้วางใจจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำทางจิตวิญญาณเป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ได้รับการสนับสนุนมีกรรมการบริหารอีก 4 คน“ศรายุทธ ใจหลัก” เป็นเลขาธิการพรรคหัวหน้าพรรคคนใหม่ประกาศว่าพร้อมจะนำพรรคให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรค “ประชาชน” จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลและพร้อมใจจะเป็นนายกรัฐมนตรีเอาเป็นว่าจาก “อนาคตใหม่” สู่ “ก้าวไกล” ลงท้ายด้วย “ประชาชน” ไหลจาก รุ่นที่ 1 ผ่านรุ่นที่ 2 สู่รุ่นที่ 3 เป็นเส้นทางพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ยึด “อุดมการณ์” เป็นเข็มทิศนำทางที่ผ่านมาจนถึงวันนี้คนการเมืองในกลุ่มนี้ คงได้ประสบการณ์มาพอสมควร และน่าจะถอดบทเรียนได้ว่าก้าวต่อไปนั้นพวกเขาควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรด้านหนึ่งยังสามารถยืนอยู่บนสนามการเมืองต่อไปได้ แม้ว่าจะถูกยุบพรรคมา 2 ครั้งแล้วก็ตาม อย่างน้อยก็สามารถสปีดตัวเองจนสามารถได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ของประเทศแบบไม่น่าเชื่อ...แต่พวกเขาก็ทำให้เห็นมาแล้วประเด็นที่ต้องถอดบทเรียนสำคัญก็คือทำยังไงให้สามารถชนะการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลให้ได้เท่าที่ฟังมามีการคาดการณ์ว่า ณ เวลานี้ตัวเลข 200 คน แน่นอนแล้วแต่ต้องไม่ลืมว่าแม้จะผ่านมาถึงตรงนี้ได้ แต่ก็ยังมี “ดาบ 2” ที่รออยู่คือ ป.ป.ช.กำลังสอบสวน 44 สส.ของพรรคร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไข ม.112ถ้าถูกสอยจะเกิดปัญหาทำให้บุคลากรของพรรคที่มีความสามารถและเด่นดังเป็นอนาคตของพรรค จะต้องถูกประหารทางการเมืองทันที ไม่สามารถเล่นการเมืองได้ตลอดชีวิตนี่ยังต้องลุ้นกันต่อไป...มีคำแนะนำจากผู้หวังดีว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอะไรที่ไม่ควรแตะ ไม่ควรยุ่ง ก็ควรถอยออกมา มิฉะนั้น ก็จะเกิดปัญหาซ้ำรอยเดิมอีกทางหนึ่งที่จะทำให้พรรคเติบโตได้อย่างมั่นคงขึ้น ก็คือการเดินนโยบายที่มุ่งประโยชน์ต่อประชาชนที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อเข้าถึงคนส่วนใหญ่ เพื่อเป็นรัฐบาลบริหารประเทศให้ปรากฏไม่ใช่มุ่งแต่การเมืองตามที่คิดและปรารถนาเท่านั้น!!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม