อกสั่นขวัญแขวนรับปีใหม่ “โอมิครอน” มาตามนัด กระจายทั่วถิ่น ระบาดไป 50 กว่าจังหวัดมาตรการคลายล็อกโดนเบรก หลังกราฟผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งพรวดกลับมาอีกครั้ง คลัสเตอร์ใหม่ผุดรายวัน จำนวนผู้ป่วยใกล้กลับมาแตะหลักหมื่นต่อวันสถานการณ์ไวรัสร้ายกลับมาตึงเครียด ยังไม่รู้ทีมนักรบเสื้อกาวน์จะรับมือไหวหรือไม่กระทรวงสาธารณสุขต้องยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 4 ขั้นรองสูงสุด อาจสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ชะลอการเดินทาง และจำกัดการรวมกลุ่ม ขณะที่ ศบค.สั่งปรับพื้นที่สีส้มหรือพื้นที่ควบคุมเพิ่มเป็น 69 จังหวัด จากเดิม 39 จังหวัด และยาแรงอีกหลายขนานส่อตามมา หากยังยับยั้งการระบาดไม่อยู่สนุกจากเคาต์ดาวน์แค่ชั่วครู่ชั่วคราว แต่มานั่งทุกข์ยาว ลุ้นตัวโก่ง เชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่จะทะยานติดลมนานแค่ไหน“โอมิครอน” ไม่กระจอก แม้อาการจะไม่รุนแรง แต่ติดต่อรวดเร็วมาก ป้องกันตัวเองแทบครอบจักรวาล แต่ก็หยุดการลุกลามไม่ค่อยอยู่ สถานการณ์เฉพาะหน้าห้ามประมาท ยิ่งมีผู้ป่วยมากขึ้นเท่าไร ก็เพิ่มความเสี่ยงให้มีอัตราผู้เสียชีวิตมากขึ้นตามไปด้วย โรคระบาดจู่โจม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ได้หยุดพัก พลิกตำรารับมือแทบไม่ทันล่าสุดยังเจอปัญหาหมูแพง ราคาเฉียดค่าแรงขั้นต่ำ กิโลกรัมละ 250 บาท และมีแนวโน้มพุ่งขึ้นไปอีก ร้านค้าทยอยปรับขึ้นค่าอาหารถ้วนหน้า พ่อค้า แม่ค้า ผู้บริโภค กระเป๋าฉีกเดือดร้อนกันถ้วนหน้าปัญหาเรื่องหมูๆ แต่ดันไม่ใช่เรื่องหวานหมูของรัฐบาล ซ้ำเติมภาวะขาลงของ “ลุงตู่” ให้ดำดิ่งเร็วขึ้นปมเชื้อโรคและปัญหาปากท้องรุมกระหน่ำเรือเหล็กโคลงเคลงหนักตั้งแต่ต้นปี และแนวโน้มทำท่าจะแย่ลงไปอีก จากเกมการเมืองในสภาที่ตั้งท่าตะลุมบอนกันหนักตลอดปีมีคิวเดือดต่อเนื่องทั้งสนามเลือกตั้งซ่อม จ.ชุมพร สงขลา และ กทม. ไปจนกระทั่งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพื่อประลองกำลัง วัดบารมีทางการเมือง ต่างฝ่ายต่างบู๊ สู้หมดหน้าตัก ไม่มีใครยอมใคร ขณะที่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ต้องจับตา จะเกิดเหตุกบฏพลังประชารัฐโค่นอำนาจผู้นำซ้ำรอยหรือไม่และที่เป็นไฮไลต์ใหญ่คือ ปมร้อนวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ “บิ๊กตู่” เผาหัวกันมานาน ถึงเวลาต้องชี้ขาด จะให้วาระดำรงตำแหน่งผู้นำของ “ลุงตู่” เริ่มต้นนับหนึ่งและสิ้นสุดลงเมื่อใดหลุมพรางการเมืองดักอยู่มากมายในปีเสือลำบาก ชี้ชะตาผู้นำจะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้สบโอกาสให้ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โชว์ท่าทีฮึกเหิมดูแคลนรัฐบาลเรือเหล็กจะหมดอายุขัยภายในครึ่งปีแรก พร้อมป่าวประกาศอยากกลับบ้านให้แฟนคลับเนื้อเต้น โดยพร้อมกลับมาทำงานช่วยเหลือประเทศ รับประกันจะไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเอาคืนใครคนแดนไกลวาดวิมานฝันหวานตั้งแต่ต้นปี แต่เปอร์เซ็นต์เป็นไปได้แค่ไหนยังไม่รู้ แต่ที่ซ่อนอยู่คือ เกมโปรโมตหาแต้มให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์การตลาดระดับตัวพ่อ ฉวยจังหวะวิกฤติของรัฐบาลที่ประชาชนกำลังเคว้งคว้าง หาอัศวินช่วยกู้เศรษฐกิจประเทศ มาเรียกคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยหวังชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแต่ยิ่งลูกทีม “ลุงโทนี่” ติดลมบนแรงขึ้นมากเท่าไหร่ โอกาสหล่นลงมาหงายหลังก็มีมากขึ้นตามไปด้วยเพราะเส้นทางกลับสู่อำนาจของพรรคเพื่อไทยก็ถูกขุดหลุมพรางดักไว้เต็มไปหมด โดยเฉพาะฉากหวาดเสียวจะถูกยุบพรรคเป็นรอบที่สามหรือไม่ อย่างที่มีคดีรออยู่ใน กกต.และศาลรัฐธรรมนูญมากมาย ล่าสุดมีตัวละครใหม่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตบิ๊ก จปร.รุ่น 7 โผล่มาอยู่ในบท ปูดถึงการถูกลบชื่อออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ภายใต้การสั่งการของคนแดนไกลบิ๊กทหารรุ่นลายครามโยนระเบิดใส่ค่ายเพื่อไทย ทั้งที่ปมถูกปลดออกจากสมาชิกพรรคล่วงเลยมาพักใหญ่ แต่กลับเพิ่งมาโหวกเหวก ก็ชวนให้สงสัยมีขบวนการจ้องถอนรากถอนโคนโค่นค่ายดังหรือไม่ยิ่งบริบทในอดีตของ พล.อ.พัลลภ ก็เล่นบทหลายหน้า อยู่ร่วมกับทุกฝ่าย เคยเป็นทั้งมิตรและศัตรูกับนายทักษิณมาก่อน การเปิดหน้าออกมาชนรอบนี้ก็เลยจับทางไม่ถูกว่า ยืนอยู่ข้างฝ่ายใดในมุมพรรคเพื่อไทยต้องรีบตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจงเป็นหนังคนละม้วน โชว์หลักฐาน พล.อ.พัลลภยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังบงการถอดจากบัญชีสมาชิกทีมนายใหญ่ก็แหยง กลัวไม้ตายของฝ่ายกุมอำนาจ เล่นวิธีลัดล้มกระดานฝ่ายตรงข้าม ในยามที่ “บิ๊กตู่” ทำท่าจะลุ้นลำบากในการเลือกตั้งสมัยหน้าเพื่อไทยเองก็ตกระกำในปีเสือลำบากไม่แพ้กัน!!!ทีมข่าวการเมือง