ในทุกยุคทุกสมัยของแผ่นดินไทย เมื่อเสียงดาบก้องกังวานในสนามรบ “ตะกรุด”... ไม่เคยห่างกายจากนักรบผู้กล้า อาจกล่าวได้ว่าเครื่องรางชิ้นเล็กๆที่พันผืนแผ่นโลหะด้วยอักขระอาคมศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักในสายตาของเหล่าทหาร กลายเป็น “เกราะที่มองไม่เห็น” ที่ยิ่งใหญ่กว่าดาบหรือโล่ใดๆเรื่องเล่าโบราณกล่าวถึง “นักรบโบราณ” ที่รอดชีวิตจากการศึกแม้จะถูกฟัน แทง ยิง หรือฟาดด้วยอาวุธนานาชนิด แต่กลับไม่มีแม้รอยขีดข่วน สิ่งที่ติดกายเขาไม่ใช่เกราะเหล็ก แต่คือ “ตะกรุด” ว่ากันว่า...บางคนรอดชีวิตจากห่ากระสุนกลางสมรภูมิ เพราะแขวนตะกรุดอาคมจากครูบาอาจารย์ผู้เรืองเวท บ้างเล่าว่าทหารแนวหน้าในสงครามอินโดจีน ต่างพกตะกรุดใต้เสื้อเกราะเพราะเชื่อว่า...เป็นเกราะคุ้มภัยที่แท้จริงคนโบราณเชื่อว่า ตะกรุดคือ “ยันต์มีชีวิต” ที่ผ่านการปลุกเสกจากจิตของครูบาอาจารย์ที่เข้มขลัง จะ...ตะกรุดมหาอุด ตะกรุดคงกระพัน ตะกรุดสามกษัตริย์ หรือตะกรุดแฝดห้อยเอว...ล้วนเป็นของวิเศษที่ “ไม่ใช่ใครก็สร้างได้” จะจารลงแผ่นตะกั่ว แผ่นทองแดง หรือหนังเสือ ก็ต้องทำในฤกษ์ยามพิเศษที่สำคัญ...จารอักขระต้องนิ่งด้วยลมหายใจแห่งสมาธิ ห้ามพูด ห้ามกิน ห้ามแม้แต่คิดฟุ้งซ่าน...เพราะตะกรุดทุกดอกคือพันธะระหว่างครูกับศิษย์ “มันไม่ใช่แค่ของขลัง แต่มันคือคำสั่งสอนที่พันธนาจิตใจนักรบให้ไม่กลัวตาย”“ตะกรุด”...คาถาอาคมที่ถักทอด้วยจิต ด้วยว่าไม่ใช่เพียงโลหะธรรมดา ตะกรุดที่ “ขลัง” ต้องผ่านการปลุกเสก ด้วยคาถามหาอุด คงกระพัน กันภัย และเมตตามหานิยม บ้างจารบนแผ่นตะกั่วทองเหลือง บ้างจารด้วย “ตัวขอม” หรือ “ยันต์พระคาถา”ที่สำคัญคือ “ครูบาอาจารย์” ผู้สร้างต้องมีจิตบริสุทธิ์ มีสมาธิจิตแก่กล้า และมีสายบูรพาจารย์ที่สืบทอดวิชาอาคมมาโดยตรง ในสงครามจริง...สิ่งที่นักรบต้องมีไม่ใช่แค่ฝีมือ หากแต่คือ “กำลังใจ” การแขวนตะกรุด ไม่ใช่แค่เพราะกลัวตาย แต่เพราะเชื่อมั่นว่า มีพลังที่คุ้มครอง...เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เดินหน้าฝ่าไฟนรกโดยไม่หวั่นไหว หลายตำนานกล่าวถึงตะกรุดของ “หลวงพ่อทบ” วัดชนแดน หรือ “หลวงพ่อเงิน” วัดบางคลาน ...ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักรบไทยยุคสงครามเวียดนาม กระสุนหยุดไม่อยู่ แต่จิตใจนักรบไทย...มั่นคงเพราะศรัทธาในเครื่องราง วันเวลาผ่านไปจากสนามรบสู่ชีวิตประจำวัน แม้วันนี้เสียงปืนสงบลงในหลายๆพื้นที่ แต่ตะกรุดยังคงเป็นที่พึ่งของผู้ศรัทธา ตำรวจ ทหาร นักเลงเก่า พ่อค้า แม่ค้า ยันนักธุรกิจใหญ่ ล้วนแสวงหาตะกรุดเพื่อ “คุ้มตัว” ไม่ใช่เพียงป้องกันอันตราย แต่เพื่อให้ชีวิตราบรื่น มีกำลังใจ ฝ่าฟันวิกฤติตอกย้ำศรัทธาความเชื่อ...นักรบกับตะกรุดคือพลังใจแห่งชัยชนะเชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้ลบหลู่...แม้ใครจะมองว่า “ตะกรุด” เป็นเพียงเครื่องโลหะ พันเชือกหรือหนังสัตว์ แต่สำหรับผู้ศรัทธาแล้วนั้น “ตะกรุด” คือสัญลักษณ์แห่ง “ครูบาอาจารย์” และ “ชัยชนะเหนือความกลัว”“ตะกรุด” ไม่ใช่เพียงวัตถุ...แต่เป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจของนักรบทุกคน “เพราะนักรบที่แท้จริง ไม่ได้รบด้วยดาบอย่างเดียว...แต่รบด้วยศรัทธาและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้” ในป่าเขาลำเนาไพรที่ที่ศัตรูไม่ได้มาแต่เพียงรูป แต่ยังแฝงด้วยอาถรรพณ์ วิญญาณร้าย ภูตพราย และเคราะห์กรรม นักรบไม่พกแต่กระสุน เขายังพก “ตะกรุด” ไว้เหนือหัวใจ เพื่อคุ้มภัยทั้งจากโลกนี้และโลกอื่นในโลกของผู้ศรัทธาไม่มีสิ่งใดเรียกว่า “บังเอิญ”...ไม่มีคำว่า “โชคดี” มีเพียง...“บุญ-กรรม-และของ” ที่คุ้มกายเมื่อชีวิตต้องเผชิญศึกทั้งจากศัตรูภายนอก...วิบากกรรมภายในคนไทยแต่โบราณจึงพึ่งของขลังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว หนึ่งในนั้นคือ “ตะกรุด” ที่ว่ากันว่าหากลงด้วย “คาถาเหล็กไหล” จะเป็นดั่งเกราะวิเศษแห่งจักรวาลในตำนานสายเวทย์ “คาถาเหล็กไหล” หรือบางสำนักเรียกว่า “พระคาถามหาอุดเหล็กไหล” คือมนตราแห่งการหลอมรวมธาตุทั้งห้าเข้ากับจิตแห่งครู ว่ากันว่า...หากลงคาถานี้ลงบนตะกรุด แม้กระสุนจากปืนกลก็เบนทิศแม้ดาบฟันลงมาก็หยุดกลางอากาศ แม้ภูตพรายก็เกรงกลัวครูบาอาจารย์บางท่านว่าไว้ “เหล็กไหลไม่ได้อยู่ในถ้ำ...แต่มันอยู่ในใจของผู้ที่ศรัทธาจริง” หากใจมั่นคง จิตบริสุทธิ์ โลหะธรรมดาก็เป็นวิเศษได้ แต่หากใจสกปรกแม้จะมีเหล็กไหลแท้ก็ไม่ต่างจากเศษดิน ตะกรุดบางดอกได้จากมือหลวงพ่อขณะท่านยังครองขันธ์...บางดอกได้จากครูบาผู้ล่วงลับแล้วแต่ “มาเข้าฝัน” ให้ไปขุดเอาใต้ต้นโพธิ์หลังวัด บางดอก...ได้จากการสาบานว่า หากได้มาจะไม่ทำผิด จะไม่ฆ่า จะไม่โกง จะไม่หันหลังให้สนามรบ “ตะกรุดพันเงี้ยว คงกระพันจนงูยังเลื้อยหนี”...หนึ่งในเรื่องเล่าที่เชียงราย ว่ากันว่านี่คือตะกรุดโบราณที่ใช้เครือไม้เลื้อยจากป่าเทือกเขาดอยนางนอนพันกับโลหะศักดิ์สิทธิ์ จารยันต์ด้วยน้ำปรอท ปลุกเสก 7 ป่าช้า 7 ป่าดง หากใครได้ครอบครอง...ภูตพรายไม่กล้าเฉียดงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่กล้ากัดจนถึงกับมีคำพูดติดปากชาวบ้านว่า “ใครห้อยตะกรุดพันเงี้ยว อย่าคิดลองของ”อาจกล่าวได้ว่าศรัทธาไม่ได้อยู่ที่ของ หากแต่อยู่ที่ “ใจ” และ “ครู” ตะกรุดไม่ได้ทำให้รอดตาย แต่ให้ “ใจแน่นิ่ง” และเมื่อใจนิ่ง...ก็ก้าวข้ามความกลัว เมื่อก้าวข้ามความกลัว...ชัยชนะจึงอยู่ไม่ไกลถึงตรงนี้ “ตะกรุดนักรบ” จึงไม่ใช่แค่ของขลัง แต่มันคือ “คาถาเหล็กไหล” ที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณนักรบไทยมาแต่โบราณ แม้ศึกสงครามจะเปลี่ยน แต่ “ตะกรุด” ก็ยังคงเป็นพลังเงียบ ที่ส่งเสียงก้องในใจผู้กล้า“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม