ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งยกฟ้อง 4 กรรมการ กสทช. และรองเลขาธิการ กสทช. หลังถูก “ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล” รักษาการเลขาธิการ กสทช. ฟ้องความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีดำเนินการเกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 และดำเนินการให้มีการเปลี่ยนรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.แทนโจทก์โดยมิชอบ ศาลพิจารณาแล้วการตั้งกรรมการสอบโจทก์ขณะดำรงตำแหน่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายจึงสั่งยกฟ้องที่ห้องพิจารณาคดี 303 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 เม.ย. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.155/2566 นายไตรรัตน์ วิริยะ ศิริกุล รองเลขาธิการ และรักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยื่นฟ้อง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ทั้ง 4 คน เป็นกรรมการ กสทช. เเละ ผศ.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. รวม 5 คน เป็นจำเลย ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 172โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช.เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และดำเนินการให้มีการเปลี่ยนรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.แทนโจทก์โดยมิชอบ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.ได้รับความเสียหาย ต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน ถูกเสนอให้ต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ก่อให้เกิดความสับสนความแตกแยกในหมู่พนักงาน เกิดความกระด้าง กระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงจำเลยที่ 5 เป็นรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และเป็นผู้รักษาการแทนโจทก์แต่จำเลยที่ 5 โดยเจตนาทุจริตกลับจัดทำบันทึกข้อความด่วนที่สุด (ลับ) ส่วนงานเลขานุการ กสทช. สายกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ แต่งตั้งตนเองเป็นพนักงานผู้รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.แทนโจทก์ โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และตนเองจะได้ดำรงตำแหน่งแทน จึงเป็นการจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 5 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าคณะกรรมการ กสทช.มีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2553 ตามมาตรา 27 มีหน้าที่พิจารณาอนุมัติให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพและเป็นธรรม และมาตรา 20 มีหน้าที่อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายพิจารณาให้ความเห็นชอบจัดสรรงบประมาณ และอนุมัติโดยคำสั่งตาม พ.ร.บ.นี้หรือตามที่รับมอบหมายการมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง การสนับสนุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 เป็นการกระทำการตามที่ระเบียบ กสทช.กำหนดไว้ ข้อเท็จจริงเห็นได้ว่าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงการสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดดังกล่าวกระทำตามอำนาจหน้าที่ โดยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงสรุปความคิดเห็นเสนอต่อที่ประชุม กสทช.ตามลำดับ จัดการตรวจสอบและการประชุมรวม 7 ครั้งภายใน 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ถึง 28 เม.ย.2566จากพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งหมดมิได้มีข้อพิรุธแต่ประการใด การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีรายละเอียดชัดเจน การที่จำเลยที่ 1-4 มีมติเห็นชอบผลการสอบสวนวินัยแก่โจทก์ เป็นการเสนอตามระเบียบวาระการประชุมชอบด้วย พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติปี พ.ศ.2553 ประกอบระเบียบฯเรื่องวาระการประชุม ส่วนการแต่งตั้งจำเลยที่ 5 มารักษาการแทนก็เป็นผลมาจากการที่โจทก์พิจารณาต่อเนื่อง ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเป็นการพิจารณาตามวาระการประชุมที่ชอบด้วยบทบัญญัติด้วยเช่นกัน ในส่วนจำเลยที่ 5 เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 5 เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ซึ่งเป็นไปตามระเบียบจากวาระที่ประชุมพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 5 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การกระทำของจำเลยทั้ง 5 ชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลย เพราะไม่ทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลง พิพากษายกฟ้องอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่