หนังสือนิทานสุภาษิตเรื่อง นกมีหู หนูมีปีก เด็กรุ่นผมหัดอ่านตอนเรียนชั้น ป.เตรียม (พ.ศ.2496) สนุกแบบเด็กอยู่ที่ตอนจบ เมื่ออยู่กับนกบนฟ้าก็ไม่ยืด อยู่กับหนูบนดินก็ไม่ยาว ค้างคาวจึงต้อง เกี่ยวกิ่งไม้นอนแต่นิทานเรื่องเดียวกัน อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว อ่านแล้วสนุกแบบผู้ใหญ่ในหนังสือเสนาะเสน่ห์สำนวนไทย (สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2547) อาจารย์ล้อมเล่าเรื่อง นกมีหู หนูมีปีกว่ากาลครั้งหนึ่ง ครั้งเมื่อบรรดาสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อค้างคาวบินไปอยู่กับฝูงนก แต่เหล่านกเริ่มสังเกตว่า ค้างคาวไม่ทำงานเหมือนนกเมื่อเหล่านกทัก ท่านเอาเปรียบ ไม่ยอมทำงานเหมือนพวกเรา ค้างคาวก็ว่า เราไม่ใช่นก ว่าแล้วก็โชว์หลักฐาน ชี้ให้ดูหู พวกเธอ ตัวไหนมีหูเหมือนฉันบ้าง?เหล่านกจนมุม หาเหตุผลหักล้างค้างคาวไม่ได้ จึงลงมติขับค้างคาวออกไปจากฝูงค้างคาวไปหาพวกหนู แสดงหูให้เห็นเป็นหลักฐานว่าเป็นพวกหนู แต่ก็นั่นแหละ ค้างคาวก็คือค้างคาว ไปเข้าพวกหนูแล้ว ก็ทำงานเหมือนพวกหนูไม่ได้เมื่อถูกหนูต่อว่า ค้างคาวก็ใช้แม่ไม้เก่า กางปีกให้ดู แล้วบอก ฉันมีปีกเห็นไหม...ไม่ใช่หนูลงท้าย ค้างคาวก็ถูกผลักไสออกจากพวกหนูอาจารย์ล้อมเขียนว่า นิทานเรื่องนี้จึงเป็นที่มาของนกมีหู หนูมีปีก ใช้เรียกคนที่อ้างเหตุ ปลีกตัวไปจากความรับผิดชอบเช่นเขาอื่น การใช้มาตรฐานต่างกัน หากต่างคนต่างใช้ ย่อมเกิดการเปรียบเทียบให้เห็นสิ่งที่ดีกว่าได้แต่หากเกิดอยู่ในคนคนเดียว ถือเป็นเรื่องเสียหายจนไม่มีใครคบแต่เรื่องเสียหายที่ไม่มีใครอยากคบนั้น อาจารย์ล้อมบอกว่า นับเป็นเรื่องแปลกประหลาด ที่ไปอยู่กับนักการเมืองบางคน เขาสามารถเปลี่ยนย้ายพรรคได้แทบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งและน่าอัศจรรย์ เขาสามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำถามทำไมต้องย้ายพรรค บางคนต้องตอบคำถามนี้ซ้ำ เพราะรอบเดียวย้ายพรรคได้มากกว่าสองครั้งเรื่องที่ว่าน่าแปลกยิ่งขึ้น คนเหล่านี้อีกนั่นแหละ ยังถูกเรียก ว่าเป็นคนมีเกียรติ ได้รับมอบหมายให้มีตำแหน่งสำคัญรับผิดชอบบ้านเมือง โดยไม่มีฝูงนกฝูงหนูมาชวนกันตั้งข้อรังเกียจอาจารย์ล้อมจบข้อเขียนว่า หรือสังคมไทย ได้มาถึงยุคค้างคาวเป็นใหญ่ไปเสียแล้วใครต่อใคร รวมถึงผม ที่ได้อ่านข้อเขียนนี้ คงเผลอนึกว่า อาจารย์ล้อมเป็นคนทันสมัย เขียนเรื่องนกมีหู หนูมีปีก เปรียบเทียบกับนักการเมืองเมืองไทยในวันสองวันนี้ได้ลึกซึ้งถึงใจ แต่ผิดคาดโดยสิ้นเชิงท้ายข้อเขียน ในหนังสือเสนาะเสน่ห์สำนวนไทย มีหมายเหตุบอก อาจารย์ล้อมเขียนเรื่องนี้ตีพิมพ์ใน นสพ.เพชรภูมิ ที่ออกจำหน่ายในเพชรบุรี ฉบับวันที่ 16 ธ.ค. พ.ศ.2544 โอ้! เมื่อ 22 ปีที่แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ว่ามีเรื่องอะไรกับนักการเมืองในปี พ.ศ.นั้นๆ ก็ต้องคิดว่า อาจารย์ล้อม ท่านมีตาทิพย์ พูดถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า แม่นเหมือนตาเห็นอย่าคิดไปให้มาก เวลาผ่านมา 22 ปี เมืองไทยก็ยังมีแต่นักการ เมืองค้างคาวมีทำนองเพลงไทยเดิม ทำนองหนึ่งที่เราฟังบ่อย จนคุ้นหู เมื่อมีผู้รู้บอก นี่คือ เพลงค้างคาวกินกล้วย รู้แล้วก็อย่าแปลกใจ ค้างคาวชอบกินกล้วยเหมือนลิงราคากล้วยที่ลิงกินแพง ขึ้นราคาไปตามสถานการณ์ ดัชนีราคากล้วยตลาดการเมืองครั้งล่า...ว่ากันว่าหวีละล้าน-สิบล้าน เหตุที่ลิงย้ายพรรคไปมา ก็เพราะกล้วยแต่ละพรรคราคาต่างกันเรื่องที่ซุบซิบกันให้แซ่ดๆ วันสองวันนี้ กล้วยพรรคพี่ราคาแพงกว่ากล้วยพรรคน้อง พรรคพี่ตังเยอะ นัดกินโต๊ะจีนคืนเดียวเก็บตังได้ตั้ง 500 ล้าน.กิเลน ประลองเชิง