วัดสุทธิวรารามแถลงข่าวแต่งตั้ง ร.ต.อ.มนัส โนนุช ประธานกรรมการ มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ และรองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทย เป็นไวยาวัจกรวัดสุทธิวรารามแทนคนเก่าที่โดนปลดและถูกแจ้งความเอาผิด หลังกล่าวหาเจ้าอาวาสทุจริตเงิน 95 ล้านบาทและอื่นๆอันเป็นเท็จ ด้านทนายความคนดังแฉสาเหตุ ไวยาวัจกรคนเก่าผูกใจเจ็บหาเรื่องร้องเรียน เป็นเพราะถูกตัดอำนาจการเบิกจ่าย แถมร้านนวดแผนโบราณภายในวัดของภรรยาถูกสั่งปิดที่วัดสุทธิวราราม เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ส.ค. พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความและทีมทนายกองทัพธรรมร่วมกันแถลงข่าวแต่งตั้ง ร.ต.อ.มนัส โนนุช ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ และรองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เป็นไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม หลังจากนายชาญณรงค์ เพียรดี ไวยาวัจกรคนเก่ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ผอ.พ.ศ. เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าคณะเขตสาทร เจ้าคณะแขวงสาทร และ ผบก.ปปป. ตั้งแต่ปี 62-มิ.ย.65 ตามลำดับ โดยกล่าวหาพระสุธีรัตนบัณฑิตยักยอกเงินวัด 95 ล้านบาท นำศพของวัดที่เผาไม่หมดเอาไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาและอื่นๆทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้นายชาญณรงค์มีเรื่องบาดหมางกับหมู่สงฆ์ภายในวัด กระทั่งถูกปลดจากตำแหน่งไวยาวัจกรไปในที่สุดนายอนันต์ชัย ไชยเดช เปิดเผยว่าเข้ามารับทำคดีนี้เพราะพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากนายชาญณรงค์ อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม ยื่นหนังสือร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกทำหนังสือร้องเรียน พบความไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายเงินของวัดสุทธิวรารามและการละเลยปฏิบัติหน้าที่ของพระสุธีรัตนบัณฑิตที่ปล่อยให้ผู้ดูแลเงินฌาปนกิจของวัดดำเนินการส่อไปในทางทุจริต รวมทั้งการเอาเงินค่าเช่าที่ดินวัดรายปีเข้าบัญชีเบิกจ่ายแต่ผู้เดียว สัปเหร่อวัดเผาศพไม่หมดแล้วเอาไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาและขอให้ตรวจสอบการสร้างใบเสมาโบสถ์ราคา 6 ล้านบาท สัญญาเลยกำหนดนานแล้วแต่ยังไม่มีใบเสมานายอนันต์ชัยกล่าวต่ออีกว่า ต่อมาวันที่ 10 ก.ค.62 นายชาญณรงค์ทำหนังสือถึงเจ้าคณะแขวงยานนาวา ขอถอนคำร้องอ้างว่าไม่พบการทุจริตตามที่ร้องเรียนแต่นายชาญณรงค์ไม่ยอมหยุด กลับเรียกนักข่าวหลายสำนักมาแถลงข่าวในวันที่ 9 ม.ค.63 ว่าจะร้องเรียนเรื่องนี้ต่อไปเป็นครั้งที่ 2 ต่อมาวันที่ 4 ก.พ.63 เจ้าตัวยื่นหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรี จาก 6 เรื่องเหลือ 3 เรื่อง คือ เจ้าหน้าที่เผาศพของวัดไม่หมดแล้วนำศพไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตจนเป็นเหตุให้เงินของวัดสูญหายไป 95 ล้านบาท และนำเงินของวัดไปสร้างรีสอร์ตของตนเองที่ จ.เชียงราย ต่อมาพระธรรมสุธี รักษาการแทนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ทำหนังสือถึง ผอ.พ.ศ.เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.63 ว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ปรากฏความผิดตามที่นายชาญณรงค์ร้อง แต่เพื่อความเป็นธรรม คณะสงฆ์จึงตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้อีกถึง 2 ครั้ง ในช่วงปี 64 หลังจากทราบผลการตรวจสอบของคณะสงฆ์ นายชาญณรงค์ไม่พอใจโทรศัพท์ตามสื่อมวลชนหลายสำนักให้มาทำข่าวเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. โดยกล่าวหาพระสุธีรัตนบัณฑิต ประพฤติตัวไม่เหมาะสม คณะสงฆ์ในวัดปกปิดให้การช่วยเหลือพระสุธีรัตนบัณฑิต จากข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น ความจริงคือพระสุธีรัตนบัณฑิตไม่เคยมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งชี้แจงความโปร่งใสถึงเงินจำนวนดังกล่าวที่ได้เบิกจ่ายไป โดยทำบัญชีถูกต้องตามระเบียบคณะสงฆ์ ส่วนกรณีเผาศพไม่หมดแล้วนำไปโยนทิ้งแม่น้ำนั้นก็เป็นความเท็จ วัดสุทธิวรารามดำเนินการตามระเบียบของ กทม.อย่างเคร่งครัด“การกระทำของนายชาญณรงค์ ทำให้สำนักข่าวต่างๆนำเสนอข่าวอันเป็นเท็จ หมิ่นประมาทพระสุธีรัตนบัณฑิต ทั้งหมดจึงเข้าข่ายฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้พระสุธีรัตนบัณฑิตเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนที่ไม่ทราบความจริง ส่วนสาเหตุที่นายชาญณรงค์ร้องเรียนน่าจะมาจากความไม่พอใจที่ถูกตัดอำนาจการเบิกถอนเงิน หรือเก็บเงินค่าที่จอดรถ และถูกปลดจากไวยาวัจกร เพราะประพฤติตัวไม่เหมาะสมชอบทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล รวมทั้งร้านนวดแผนโบราณภายในวัดที่ภรรยาของนายชาญณรงค์เป็นเจ้าของถูกสั่งปิด จึงทำให้เจ้าตัวไม่พอใจและผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” นายอนันต์ชัยกล่าวมีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ส.ค. พระสุธีรัตนบัณฑิตมอบอำนาจให้นายนฤเบศ ปั่นแก้ว เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ รองผกก.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร เพื่อดำเนินคดีกับนายชาญณรงค์กับพวก ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จโดยรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนในคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น หมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานก่อนออกหมายเรียกนายชาญณรงค์มารับทราบข้อหา