เจ้าตัวลั่นพร้อมเคารพก.ม. ‘ตู่’ เหน็บฝ่ายค้านใช้ปัญญา ชัชชาติยันลงอิสระชิงกทม.
“บิ๊กตู่” เหน็บฝ่ายเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สติปัญญาไม่ใช่จ้องแก้กฎหมาย “เทพไท” ให้ข้ามนายกฯโยนหน้าที่พรรคร่วมฯดันผลงานรัฐบาล “ธนาธร” ซัด “ประยุทธ์” ย้อนแย้งให้คนอื่นทำตามกฎหมาย แต่ตัวเองทำผิดสารพัดจี้ใจ ปชป.-พรรครัฐบาลเคยหาเสียงไว้เอายังไงต่อ “เจ๊หน่อย” บี้นายกฯ-พปชร.แจงไม่เอาด้วยเขียนเป็นนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ทำไม “เพื่อไทย” ขยี้คะแนนนิยมรัฐบาลตกต่ำขีดสุด ไล่ผู้นำไขก๊อก หน.ทีมเศรษฐกิจ “ชัชชาติ” พูดชัดจ่อลงชิงผู้ว่าฯ กทม.อิสระ ปัดขัดแย้งทรยศ พท.ไม่เคยหารือ “บิ๊กป้อม” กมธ.ป.ป.ช.สาวข้อมูล “สมชัย” สอบวุฒิปริญญาเอกปลอม “ธรรมนัส” “เสรีพิศุทธ์” จี้ไขก๊อกซัดเป็นตัวการไม่ใช่เหยื่อต้มตุ๋น โฆษก กมธ.ปูดซุกอีกคดีฉาวเคยติดคุกออสซี 8 เดือนเมื่อปี 31 ไม่แจ้งมียาเสพติดละแวกที่อยู่อาศัย “ผู้กองมนัส”ลั่นไม่ยึดติดผิดจริงพร้อมรับ
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ตอบรับข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านในการถือธงนำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังคงตามมาติติงฝ่ายเรียกร้องให้ดูตัวอย่างประเทศที่เจริญแล้วที่ใช้สติปัญญาแก้ปัญหาทุกเรื่อง ไม่ใช่ชวนแต่แก้ไขกฎหมาย แรงกดดันจึงไปตกอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายในการหาเสียงไว้
“บิ๊กตู่” เหน็บใช้ปัญญาไม่ใช่จ้องแก้ ก.ม.
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่วัดราชาธิวาส ถนนสามเสน เขตดุสิต กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมพัฒนาภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ทุกปัญหาเรามีกฎหมายเพื่อให้ทำไม่ให้เกิดปัญหา ทุกประเทศที่เจริญเขาเคารพกฎหมายทุกตัวจริงๆตามดูแล้วกัน แต่ของเรามีแต่ชวนเลิกกฎหมายหรือชวนแก้กฎหมายให้มากที่สุด ไม่รู้มันย้อนทางกันหรืออย่างไร การแก้ปัญหาอะไรก็ตามต้องใช้สติปัญญา เพราะปัญหาไม่ใช่จะแก้ได้ง่ายๆ หรือแก้เร็วๆแล้วจบแล้วได้รับความชื่นชม แล้วปัญหาเกิดขึ้นอีกไหมในวันหน้าก็เกิดขึ้นอีกนั่นแหละ เราต้องแก้วิธีการคิดใหม่ ใช้สติปัญญาแก้ทุกเรื่อง ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เจ้าหน้าที่เองต้องเข้มแข็ง กฎหมายทุกตัวต้องใช้ได้ ถ้าทุกคนต่างลดการทำความผิดก็ไม่เกิดขึ้นสักอย่าง ทุกอย่างจะพัฒนา เศรษฐกิจก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ ฉะนั้นขอความกรุณาช่วยกันเถอะ
...
อ้อนรับผิดชอบอยู่แล้วฟังผมบ้าง
“ผมรับผิดชอบอยู่แล้ว โยนไปให้ใครไม่ได้ นายกฯ ต้องรับผิดชอบ ช่วยผมหน่อยเท่านั้นเอง ผมขอแค่นั้นแหละ และกรุณาฟังสิ่งที่ผมพูดบ้าง เจตนาของผมไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น แต่ให้ผมพูดคำหวานอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ทุกคนชอบคำหวาน เสร็จแล้วก็คือยาพิษสำหรับท่าน การช่วยคนถ้าช่วยในทางที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือการให้ยาพิษ วันหน้าท่านก็ตายอยู่ดี ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
ข้ามนายกฯ “เทพไท” ขอพรรคร่วมจริงใจ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มต่างๆว่าขอขอบคุณท่าทีพรรคภูมิใจไทยที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคประกาศว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นสปิริตที่งดงาม เมื่อตัดสินใจเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันแล้วต้องรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อมีการบรรจุเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นภารกิจของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องจับมือกันผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จให้เร็วที่สุด ส่วน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯถือธงนำแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรให้อิสระและเคารพการตัดสินใจของนายกฯ เพราะไม่ได้สังกัดพรรคชัดเจน ภารกิจนี้ควรเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกันขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน จะประสบผลสำเร็จมากกว่าต่างพรรคต่างเคลื่อนไหว ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคร่วมมือผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลให้มีผลทางปฏิบัติเร็วที่สุด เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จะเป็นการสร้างผลงานรัฐบาลให้เป็นที่ยอมรับ
“ธนาธร ”ซัดคำพูดผู้นำย้อนแย้งตัวเอง
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึงกรณีนายกฯปฏิเสธการถือธงนำและขอให้ทุกฝ่ายที่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญทำตามขั้นตอนกฎหมายว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนแย้งในตัวเองอย่างมาก มีปัญหาทั้งในเชิงหลักคิดและข้อเท็จจริง 3 ประการ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ต่างหากที่ไม่ทำตามกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่เที่ยวบอกให้คนอื่นทำ จะเห็นชัดการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ การแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงที่มาของเงิน และการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ล้วนผิดรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น บอกให้คนอื่นทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนเองอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้ 2.การที่ พล.อ.ประยุทธ์ถามว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยไหม ถ้าย้อนไปตอนทำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ท่านได้ถามประชาชนหรือไม่ 3.รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเป็นคนร่างเองและวัตถุประสงค์รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการสืบทอดอำนาจของ คสช. ออกแบบมาให้แก้ไขไม่ได้ในกระบวนการปกติ เพื่อให้พวกเขาสืบทอดอำนาจได้ โดยไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะบอกให้ประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่เขียนไว้ เพราะรู้ว่าถ้าเดินตามกระบวนการจะทำไม่สำเร็จ
จี้พรรคร่วม—ปชป.หาเสียงไว้เอาไงต่อ
นายธนาธรกล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าไม่เอาด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้น จึงอยากถามไปถึงพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่ชูนโยบายหาเสียงให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ผลักดันให้เรื่องนี้เข้าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้ จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป เมื่อชัดเจนแล้วว่าผู้นำฝ่ายรัฐบาลที่ท่านเข้าร่วมด้วยไม่เอาด้วยกับการแก้ไข
ปลุก ลต.ซ่อมลงมติไม่ไว้วางใจ รบ.
นายธนาธรกล่าวอีกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศ ไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ ประชาชนทั่วประเทศที่ได้ไปพบปะพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความเดือดร้อน ปัญหาทั้งเศรษฐกิจ สังคม ที่รัฐบาลไม่อาจแก้ไขให้ได้ ดังนั้น การเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม เขต 5 ประชาชนทำเป็นมติมหาชนเลือกลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ไว้วางใจผู้นำแบบนี้ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ ผ่านเสียงการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมวันที่ 23 ต.ค.เริ่มที่ จ.นครปฐม เขต 5 เป็นที่แรก จะลุกลามไปในทุกเขต ทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งซ่อม
“ช่อ” แหย่หน้าโกรธเต็มเฟซบุ๊กไลฟ์ลุงตู่
ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่ามาตรการชิม ช้อปใช้ของรัฐบาลเต็ม 100 ขอให้แค่ 2 คะแนน ใช้งบฯมากถึง 1.9 หมื่นล้านบาท หว่านเงินไม่มีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะจงกลุ่มใด กำหนดเงื่อนไขใครมาก่อนได้ก่อน ขั้นตอนลงทะเบียนยุ่งยาก ทำให้คนที่ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจไปถึงแค่คนชั้นกลางที่อยู่ในเมืองใหญ่ ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจถึงระดับฐานราก และยังพบปัญหาความไม่ไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล ตั้งข้อสังเกตมาตรการนี้ออกมาเพื่อเก็บข้อมูลโดยสแกนใบหน้าประชาชน แบบยิงนัดเดียวได้นกหลายตัวหรือไม่ ปลอดภัยหรือไม่ แม้เป็นมาตรการระยะสั้นที่ดูดีแต่ไม่เพียงพอต่อการสร้างความเชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม รัฐบาลพยายามสร้างความนิยมกับประชาชน เพราะอยู่ในสภาวะสั่นคลอน เห็นได้จากเฟซบุ๊กไลฟ์สดของนายกฯมีคนเข้ามากดสัญลักษณ์โกรธจำนวนมาก
“เจ๊หน่อย” บี้นายกฯ แจงนโยบายแก้ รธน.
ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯมีท่าทีไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ของรัฐบาล ต้องถามนายกฯและพรรคพลังประชารัฐว่าเกิดอะไรขึ้น นายกฯต้องกลับไปถามตัวเองก่อนว่าเหตุใดถ้าจะไม่แก้ไขแล้วไปเขียนในนโยบายเร่งด่วน ยังมีการตั้งกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอด้วยไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ส่วนแนวคิดจะเข้าพบนายกฯ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านคุยกันว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพไม่เป็นหัวหอก ไม่ต้องการให้เกิดการยุแยงแบ่งแยกให้เป็นประเด็นการเมือง อยากให้เป็นวาระประชาชน ถ้าจำเป็นต้องไปพบนายกฯก็จะไปพบ
พท.หยัน “ประยุทธ์” อาจไปก่อน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้ความร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เหนือความคาดหมาย ชนชั้นใดร่างรัฐธรรมนูญเพื่อชนชั้นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าไม่มี ส.ว.250 คนช่วยโหวตให้ได้เป็นนายกฯแบบกดรีโมต ไม่เคารพเจตนารมณ์ประชาชน ไม่มีสูตรคำนวณ ส.ส.ผิดเพี้ยนจนได้ ส.ส.เอื้ออาทร นึกไม่ออกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯอย่างไร หลังเลือกตั้งพรรคหนุน พล.อ.ประยุทธ์มี ส.ส.ในสภาฯเป็นอันดับ 2 ลำพังเสนอตัวจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคการเมืองอันดับ 1 ที่มี ส.ส.มากที่สุดในสภาฯในแง่คุณธรรมจริยธรรม มารยาททางการเมือง มองมุมไหนไม่ควรกระทำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ทำ ที่น่าตกใจ พล.อ.ประยุทธ์ทนเห็นแฮชแท็ก#ประยุทธ์ออกไป กลับมาติดเทรนด์ฮิตทวิตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ความรู้สึกประชาชน ถึงวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์อาจพ้นไปก่อนโดยยังไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญก็เป็นได้
ขยี้ซ้ำคะแนนนิยม รบ.ดิ่งขีดสุด
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนสวนดุสิตโพล ในโอกาสรัฐบาลทำงานครบรอบ 3 เดือน ประชาชนให้คะแนนรัฐบาลสอบตกทุกด้านเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้อย่างดี เทียบกับเดือน ส.ค.ที่ได้ 4 เต็ม 10 พอมาเดือน ก.ย.ลดลงไปอยู่ระดับ 3 เต็ม 10 แทบไม่มีรัฐบาลใดที่ตกต่ำขนาดนี้มาก่อน สะท้อนความไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีม แม้พยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะ แต่ยังเป็นเพียงสูตรและวิธีการแบบเดิมๆที่ใช้มาแล้วกว่า 5 ปี จึงไม่บังเกิดผลในภาพรวม ครม.เศรษฐกิจมาจากหลายพรรคผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ ยิ่งทำให้รัฐบาลขาดเอกภาพในการแก้ปัญหา ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ต้องการผู้นำ ที่เชี่ยวชาญและรอบรู้ เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ไม่ใช่ผู้นำที่ได้คะแนนเพียง 3.9 เต็ม 10
ไล่ผู้นำไขก๊อกหัวหน้าทีม ศก.
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า ไม่แปลกที่แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะพยายามเรียกร้องความเชื่อมั่นแค่ไหน แต่เสียงตอบรับยังเหมือนเดิม จึงเหลือเพียงทางเดียวที่พอจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ คือต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ความหวังใหม่ของคนไทยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเพียงความหวังหมด พิสูจน์ผลงานมากว่า 5 ปี แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น
ส่ง “สลินทิพย์” สู้ ลต.ซ่อมปากน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า การเลือกตั้งซ่อมที่สมุทรปราการ เขต 5 จะส่งนางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนนลำดับที่ 2 ในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาลงสมัคร ส่วนที่ขอนแก่น เขต 7 คาดว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อมแทนนายนวัธ เตาะเจริญสุข ที่ถูกจำคุกคดีจ้างวานฆ่า คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเตรียมพร้อมไว้ในเบื้องต้นมีตัวเลือก 2 คน คือนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและนายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน แต่แนวโน้มพรรคจะให้โอกาสกับนายธนิกที่ขับเคี่ยวคู่มากับนายนวัธโดยตลอด ส่วนที่กำแพงเพชร เขต 2 ยังเตรียมหารือว่าจะส่งผู้สมัครคนเดิมลงสมัครหรือไม่
“ชัชชาติ” คิดไว้แล้วลงผู้ว่าฯกทม.อิสระ
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์ พอยท์ สยามสแควร์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ในฐานะศิษย์เก่าวิศวะ จุฬาฯรุ่นที่ 67 นำทีมงานมาแจกหน้ากากอนามัย 10,000 ชิ้นให้ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาย่านสยามสแควร์ หลังกรุงเทพมหานครประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน ได้รับความสนใจจากประชาชนขอถ่ายรูปจำนวนมาก โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า มีแนวคิดจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ เพราะสามารถทำงานได้กับทุกภาคส่วนมากกว่าลงในนามพรรคการเมือง ยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งหรือคิดทรยศพรรคเพื่อไทย ยังคงให้เกียรติพรรคเสมอ เพราะเกิดมาจากพรรคเพื่อไทย แต่การทำงานกรุงเทพฯ ต้องเป็นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย และการทำงานในนามอิสระจะช่วยหาแนวร่วมคนที่จะมาร่วมทำงานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนกรุงเทพฯเบื่อการเมือง ไม่ใช่เฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง
ปัดไม่เคยแอบไปหารือ “ประวิตร”
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังความคิดเห็น และเตรียมจะจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นว่าคนกรุงเทพฯต้องการผู้ว่าฯแบบไหน จะทำเป็นระยะตามสถานการณ์ หากมั่นใจว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่จะชนะการเลือกตั้งจะลงสมัคร แต่หากไม่ได้รับการตอบรับจะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าตนไปพบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเพื่อหารือเรื่องการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.นั้น เป็นการใส่ไฟให้ร้ายตน ยืนยันไม่เคยไปพบหารือกับแกนนำพรรคใดรวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
พปชร.จวกฝ่ายค้านตั้งป้อมโจมตี
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และเลขานุการ รมว.คลังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชิมช้อปใช้ว่า ประชาชนตอบรับอย่างมาก มีปัญหาเล็กๆน้อยๆ หน่วยงานเข้าไปดูแลแล้ว วันที่ 4 ต.ค.นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังจะลงพื้นที่ติดตามมาตรการชิมช้อปใช้ที่ จ.ระยอง ไม่เข้าใจว่าทำไมแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาโจมตีว่าไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยนายทุนช่วยคนรวยทั้งที่ประชาชนได้ประโยชน์ เหมือนนายกฯตั้งข้อสังเกตว่าอะไรที่รัฐบาลทำแล้วเกิดผลตอบรับที่ดี ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยหมด น่าเศร้าใจมากที่มีวิธีคิดแบบนี้ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ยิ่งมาตรการชิมช้อปใช้ ได้รับความสนใจจากประชาชนมากจนอาจต้องขยายไปเฟส 2 อาจทำให้ฝ่ายค้านกังวลว่าพลังประชารัฐจะมีคะแนนนิยมมากขึ้น
ตั้ง “แรมโบ้” ผู้ช่วย รมต.ประจำนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 273/2562 เรื่องมอบหมายให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ ตามที่สำนักนายกฯได้มีประกาศแต่งตั้งนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. อาศัยอำนาจตามความในข้อ 3 แห่งระเบียบสำนักนายกฯ นายกฯจึงมีคำสั่งมอบหมายให้นายสุภรณ์ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 1 ต.ค.
“เสรีพิศุทธ์” สำรองจ่าย กมธ.ป.ป.ช.
อีกเรื่อง ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเข้าให้ข้อมูลขบวนการค้าวุฒิบัตรการศึกษาไม่ได้มาตรฐานว่า นายสมชัยเป็นผู้หวังดีกับบ้านเมือง จึงมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบวุฒิการศึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯเชื่อมโยงกับที่กมธ.ดำเนินการอยู่ ขณะนี้ พ.ร.บ.งบฯปี 2563 ยังไม่เข้าสู่สภาฯ หากยังใช้งบฯไม่ได้ขอให้ใช้เงินส่วนตัวออกไปก่อนก็ได้ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศของคณะทำงาน การสืบสวนสอบสวนจำเป็นต้องหาข้อมูลจากต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลออสเตรเลียและกำลังแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ ส่งเรื่องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และอาจทำเรื่องขออนุมัติจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯให้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพิ่มเป็น 3 ชุด เพราะ 2 คณะไม่เพียงพอกับงานที่รับผิดชอบ
“สมชัย” ยัน “ธรรมนัส” ไม่ได้เรียนป.เอก
ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม กมธ.ป.ป.ช. โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เชิญนายสมชัยมาให้ข้อมูลเรื่องวุฒิปริญญาเอกปลอมของ ร.อ.ธรรมนัส นายสมชัยชี้แจงตอนหนึ่งว่ามหาวิทยาแคลิฟอร์เนียที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุได้วุฒิปริญญาเอก ไม่ใช่มหาวิทยาลัยแต่เป็นบริษัทจดทะเบียนธุรกิจประเมินวิทยฐานะเพื่อออกใบรับรองว่าหลักฐานที่ผู้จบการศึกษาส่งไปเทียบเท่าเป็นปริญญาอะไรได้บ้าง เอกสารที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียออกให้จึงไม่ใช่ปริญญาเอก จากการตรวจสอบพบว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนไฮสกูล ไม่ได้เปิดการเรียนการสอนจริง ทั้งเคยถูกรัฐแคลิฟอร์เนียฟ้องเรื่องการจดทะเบียนเป็นมหาวิทยาลัยถูกสั่งปรับมาแล้วในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์สู้คดีได้รับลดหย่อนค่าปรับ
เชื่อ รมต.ถูก 18 มงกุฎต้มตุ๋น
นายสมชัยให้สัมภาษณ์ว่ามาให้ข้อมูลต่อ กมธ.เพื่อเสนอปัญหาค้าวุฒิการศึกษาปริญญาเอกต่างประเทศปลอมในประเทศไทย มีคนจำนวนมาก ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ พระภิกษุสงฆ์ ถูกหลอกเสียเงินไปกับการซื้อปริญญาเอกปลอม เพราะอยากได้คำว่า ดร.นำหน้า ในประเทศไทยมีขบวนการอ้างตัวเป็นนักวิชาการใช้ตำแหน่ง ดร. ศาสตราจารย์ มาหลอกลวงมีผู้เสียหายจำนวนมาก ได้รายงานให้กมธ.ทราบ 2 กรณีคือ 1.กรณีรัฐมนตรีคนหนึ่งได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ความจริงเป็นการจบจากมหาวิทยาลัยในหมู่เกาะแปซิฟิกส่วนตัวเชื่อว่ารัฐมนตรีคนดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะจำเลยไม่มีเจตนาหลอกลวงบอกกล่าวเท็จ แต่เป็นผู้เสียหายที่ถูกขบวนการทำธุรกิจประเภทนี้หลอกลวง ดังนั้นควรไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดขบวนการหลอกลวง และแก้ไขวุฒิการศึกษาให้ถูกต้อง มิให้ถูกมองเป็นเรื่องการนำหลักฐานเท็จเข้าสู่ระบบราชการ 2.กรณี ส.ส.ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเหล็กไหล ระบุว่าได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยในยุโรป อาจไม่ได้จบจริงแต่นำหลักฐานปลอมมาเสนอต่อสาธารณชน อยากให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯดำเนินการจริงจังกับขบวนการหลอกลวงวุฒิการศึกษา
“เสรี” จี้ไขก๊อกซัดตัวการปลอมวุฒิฯ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่านายสมชัยมาให้ข้อมูลถือว่าได้ประโยชน์ ชัดเจนอยู่แล้ว อยากฝากไปยัง ร.อ.ธรรมนัสว่าหากรู้ตัวให้ลาออกได้แล้ว ขอให้พิจารณาตัวเองได้แล้ว หาก กมธ.ตรวจสอบต่อไป ร.อ.ธรรมนัสอาจต้องรับผิดชอบทางคดีอาญา เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสถือเป็นเหยื่อขบวนการหลอกซื้อขายปริญญาเอกปลอมหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่าไม่ได้เป็นเหยื่อแต่เป็นตัวการ เพราะรู้อยู่แล้วว่าได้มาโดยมิชอบหรือไม่ได้ศึกษาจริง ไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยจริง ถือว่าจงใจทำเรื่องนี้ หลักฐานถือว่าชัดเจนแล้วทั้งเรื่องยาเสพติดและวุฒิการศึกษา แต่ยังเป็นเพียงข้อมูลดิบจึงต้องขอเอกสารข้อมูลที่ถูกต้องให้เป็นที่ยอมรับ อยู่ระหว่างประสานข้อมูล เท่าที่ทราบ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้ถูกดำเนินคดียาเสพติดแค่ครั้งเดียว แต่ก่อนหน้านี้ปี 2531 เคยถูกดำเนินคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้ว แต่เวลาแถลงข่าวนำสองเรื่องมาปนกันให้หลายคนงงเล่น
กมธ.ปูดมีคดีฉาวงอกอีกปี 2531
นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษก กมธ.ป.ป.ช.กล่าวว่า กมธ.จะทำหนังสือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ให้สอบถามไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศสหรัฐอเมริกาและวานูอาตู เพื่อสอบถามถึงการจัดสอนการศึกษาระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยคาลามัสที่เกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส รวมถึงจะส่งหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังประเทศออสเตรเลียขอเอกสารคดีความของ ร.อ.ธรรมนัส เนื่องจากคดีที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นคดีที่เกิดขึ้นปี 2536 และตัดสินคดีปี 2538 แต่จากการตรวจสอบของ กมธ.ยังพบว่าก่อนหน้านี้ปี 2531 ร.อ.ธรรมนัส เคยต้องคดียาเสพติด ตามความผิดกฎหมายคดีสอดส่องเพื่อนบ้านของออสเตรเลีย
จำคุก 8 เดือนไม่แจ้งยานรกใกล้บ้าน
“ร.อ.ธรรมนัสทราบว่าละแวกบริเวณที่อาศัยอยู่มียาเสพติด แต่ไม่แจ้งข้อมูลให้ทางการรับทราบ จึงถูกลงโทษจำคุก 8 เดือน เป็นคนละคดีกับที่ถูกจับกุมในปี 2536 คดีที่เกิดขึ้นปี 2531 กมธ.ยังต้องไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะยังเป็นเพียงคำให้การของผู้สื่อข่าวไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวที่มาให้ข้อมูลยืนยันต่อ กมธ. ดังนั้น กมธ.จะต้องทำหนังสือไปสอบถามศาลออสเตรเลียว่าคดีของ ร.อ.ธรรมนัสมีทั้งปี 2531 และปี 2536 หรือไม่ นอกจากนี้ กมธ.จะทำหนังสือขอข้อมูลเรื่องเหล่านี้ไปยังสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยอีกทาง เพราะไม่แน่ใจว่ากระทรวงการต่างประเทศจะให้ความ ร่วมมือหรือไม่” นายธีรัจชัยกล่าว
“ผู้กองมนัส” ลั่นไม่ยึดติดผิดจริงพร้อม
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กมธ.ป.ป.ช.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เดินหน้าตรวจสอบการใช้วุฒิปริญญาเอกปลอม และระบุมีการถูกดำเนินคดีจำคุก 8 เดือนในออสเตรเลียเมื่อปี 2531 อีกคดีว่า เป็นเรื่องของกฎหมายว่ากันไป ถ้ากฎหมายบอกว่าผิดตนก็พร้อม เคารพกติกา กฎหมายทุกอย่าง อะไรที่ทำตามกรอบกฎหมายว่ากันไปเลย เราไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ไม่ได้ยึดติดอะไร การเมืองคือการเมือง ใคร จะตรวจสอบอะไรถือเป็นหน้าที่ของแต่ละคน ถ้าเราเป็นกรรมาธิการก็ต้องตรวจสอบ
โอดเป็นผู้ถูกกระทำด้วยซ้ำ
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวอีกว่า ความจริงตนเป็นผู้ถูกกระทำด้วยซ้ำ เหมือนอย่างที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการอิสระและอดีต กกต.ให้ข้อมูลต่อ กมธ.ป.ป.ช.อย่างมีหลักการว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า เพราะไม่ใช่คนปลอมเอกสาร ไม่ใช่คนปลอมวุฒิการศึกษา ถ้าสมมติมหาวิทยาลัยปลอม ตนต้องแจ้งเอาผิดกับทางมหาวิทยาลัย ในฐานะ ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า และไม่นิ่งนอนใจในฐานะผู้เสียหายต้องดำเนินการ ขณะนี้ได้ดำเนินการขอเอกสารแล้วไม่ว่าจะเรื่องวุฒิการศึกษา หรือเรื่องออสเตรเลียตนดำเนินการเอง
กกต.ถกส่งไม่ส่งตีความ “นวัธ” พ้น ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจากกรณีปัญหาสถานภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น สิ้นสุดลงหรือไม่จากเหตุศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาประหารชีวิตในคดีฆ่าปลัดจังหวัดและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์ มีรายงานว่าที่ประชุม กกต.วันที่ 3 ต.ค.จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวว่าจะต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยหรือไม่ ก่อนหน้านี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้มายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อเป็นบรรทัดฐาน และหาก กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายนวัธสิ้นสุดลงจากเหตุดังกล่าวการนับระยะเวลา 45 วันที่ต้องจัดการเลือกตั้งคาดว่าจะนับหนึ่งจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
“จ่านิว” ยื่น กมธ.เร่ง ตร.คดีถูกรุมตี
ที่รัฐสภา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมการเมือง ยื่นหนังสือต่อนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ติดตามความคืบหน้ากรณีถูกทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2562 โดยนายสิรวิชญ์กล่าวว่า อาการดีขึ้นแล้วแต่ยังมีปัญหาด้านสายตาที่กระทบกระเทือนอย่างมาก ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้วยังไม่เห็นวี่แววตัวคนร้าย จึงมายื่นหนังสือต่อ กมธ.ให้เร่งติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด ให้เวลาตำรวจทำงานตามปกติ พูดตรงๆจะครบ 100 วันแล้วยังไม่คืบหน้า ทุกกรณีไม่ควรปล่อยให้คนร้ายลอยนวล เพราะคือความปลอดภัยทั้งสังคม หากตำรวจยังไม่ให้คำตอบกับคดีอุกฉกรรจ์อย่างนี้ จะส่งผลถึงความเชื่อมั่นประชาชน แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร
ฉะมีกล้องจับภาพชัด 3 เดือนไม่คืบ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่เพราะคนธรรมดาถูกทำร้ายอย่างอุกอาจช่วงกลางวัน มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ แต่ 3 เดือน ยังไม่คืบหน้าทางคดี กมธ.จะรับเรื่องและดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่ทำได้ จะเรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง หวังว่าจะเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้น ประเทศไทยจะไม่มีบุคคลใดที่คิดเห็นต่างทางการเมืองโดนทำร้ายอีก
“เรืองไกร” ฉะ พ.ร.บ.งบฯ 63 ขัด รธน.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทที่จะเสนอให้สภาฯพิจารณา น่าจะมีปัญหาไม่ทำตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ เนื่องจากจัดทำก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาล มีหลักฐานชัดว่า ผอ.สำนักงบประมาณ ลงนามเสนอนายกฯวันที่ 25 ก.ค. นายกฯลงนามเห็นชอบวันที่ 26 ก.ค. แต่การแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้นวันที่ 27 ก.ค. เวลา 03.33 น. และคำของบฯของหน่วยงานต่างๆไม่ได้จัดทำขึ้นใหม่ แต่นำคำของบฯต่อรัฐบาลชุดก่อนที่อนุมัติกรอบไว้ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. มาปรับปรุงตัวเลขพอเป็นพิธี ทั้งใน พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 2560 บังคับว่างบฯต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทด้วย แต่แผนแม่บทประกาศออกมาวันที่ 18 เม.ย. หลังวันที่ 8 ม.ค. ดังนั้น คำของบฯจึงเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย หากปล่อยให้สภาฯพิจารณาจะมีปัญหาตามมา วันที่ 3 ต.ค. จะไปยื่นเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เห็นถึงความไม่ถูกต้อง และหวังว่านายชวนจะรีบพิจารณาส่งคืนร่าง พ.ร.บ.งบฯให้ ครม.กลับไปจัดทำใหม่ให้ถูกต้อง
“ศรีสุวรรณ” จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ“พิเชษฐ”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 3 ต.ค. เวลา 10.30 น. จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ การแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 เนื่องจากพบข้อสงสัยบัญชีทรัพย์สินนายพิเชษฐอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเป็นกรรมการหรือถือหุ้นในบริษัทที่ยังไม่ได้ชำระบัญชี หรือยังไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกบริษัทไม่ครบถ้วน ตามหลักฐานนายพิเชษฐระบุว่าถือหุ้นในบริษัทร้าง 5 บริษัท แต่ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่านายพิเชษฐถือหุ้นถึง 7 บริษัท ไม่ปรากฏแจ้งว่ามีบัตรเครดิตหรือการเบิกเงินเกินบัญชีตามหลักเกณฑ์ที่ ป.ป.ช.กำหนดด้วย หมิ่นเหม่ต่อการเข้าข่ายแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ มีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน ป.ป.ช.อาจเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัย อาจมีความผิดต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ