ตอนที่ 6
“ทิชาไม่ใช่นางฟ้าหรอกค่ะ ใครเป็นทิชาก็ต้องทำแบบนี้ทั้งนั้น” โขงมองทิชา เธอยิ้มกลบเกลื่อน พอพ้นสายตาโขง ทิชาก็หน้าเครียดทันที
ooooooo
ยายไรกับยายหวานเป็นห่วงยายแจ๊ว บ่นกันว่าไม่รู้น้อยหน่ารู้หรือเปล่าว่าทำให้ยายทุกข์ใจบาปหนา ยายหวานว่าต้องโทษคนที่พาน้อยหน่าไป ถ้าไม่ใช่โขงก็แล้วไป แต่ถ้าใช่เดี๋ยวกรรมก็ต้องตามทันให้เราเห็นเอง
ทิชาทนฟังไม่ได้บอกโขงว่าตนจะไปรอที่รถ เมื่อโขงตามมาก็ชวนไปหาเด็กๆกัน ตนอยากเจอเด็กๆ และให้ทุนเขาจะได้มีโอกาสที่ดีไม่เหมือนกับน้อยหน่า โขงจึงชวนทิชาซื้อของไปทำอาหารกินกันก่อน
แต่พอไปถึงบ้านเจอไอ้โม่งสองคนเข้ามารื้อค้นข้าวของกระจุยกระจาย เมื่อโขงเข้ามาก็รุมกันทำร้ายแต่โขงยังบาดเจ็บที่แขนจึงเสียทีถูกไอ้โม่งล็อกคอจากด้านหลัง
“อย่าทำคุณโขง!!!”
ไอ้โม่งทั้งสองสบตาพยักหน้าให้กันแล้ววิ่งหนีไป ทิชารีบไปดูโขงถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“ความสวยก็เป็นอาวุธได้จริงๆด้วย แค่คุณร้องห้ามพวกมันก็ยอมถอย สงสัยว่ามันเป็นโจรขี้หลีชีกอกระมัง แต่...มันจะมาขโมยอะไรในบ้านผมเนี่ย ของมีค่าอะไรก็ไม่มีซักอย่าง” พูดแล้วทั้งสองก็หัวเราะขำ พอโขงดูของที่ซื้อมาก็ร้อง “แง...ไข่ผมแตกหมดเลย” พลางยกถุงไข่ให้ดู แล้วหัวเราะกันขำลูกเล่นของโขง
ooooooo
ขณะเหมียวกำลังร้อนใจที่ติดต่อเปิ้ลไม่ได้นั้น เฮียนางก็มาโวยวายหาว่าเหมียวเอาส้มของตนไปซ่อน เหมียวจึงรู้ว่าส้มก็หายไป เหมียวเอะใจขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านแม่เปิ้ล เฮียนางโดดซ้อนท้ายไปด้วย
ไปถึงจึงรู้ว่าเปิ้ลไม่อยู่แต่ได้โอนเงินมาให้แม่โปะหนี้หมดไม่งั้นแม่ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนเพราะเจ้าหนี้จะยึดบ้าน เหมียวเอะใจว่าเปิ้ลเอาเงินก้อนใหญ่จากไหนมาให้แม่? เสียใจที่เพื่อนไม่เคยบอกความเดือดร้อนนี้ให้ตนรู้เลย ซ้ำยังเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องให้ตนด้วย ปัญหาคือเปิ้ลหายไปไหนและเอาเงินจากไหนส่งให้แม่?
เฮียนางนึกอะไรได้ควักกระเป๋าหยิบกระดาษที่พับยู่ยี่ออกมา บอกว่าตนพบกระดาษนี้ในล็อกเกอร์ของส้มถามว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องส้มไหม เหมียวรับไปดูเป็นโปสเตอร์รับสมัครงานของผับพีระเหมียวตกใจ รีบไปหาโขงที่บ้าน
เป็นเวลาที่โขงอยู่กับทิชากำลังงงกับการที่ถูกไอ้โม่งมารื้อค้นบ้านและทำร้ายตน ทิชาขอโทษ โขงถามว่าขอโทษทำไมเธอไม่ใช่คนถล่มบ้านตนสักหน่อย ทิชานิ่งไปอึดใจแล้วโพล่งถามว่า
“ถ้าทิชาไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณโขงคิดล่ะคะ ไม่ได้เป็นนางฟ้า ไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่คุณโขงเข้าใจแต่...เป็นนางมารร้ายแปลงร่างมา คุณโขงจะเกลียดทิชาไหมคะ”
“คุณทิชาไม่มีทางเป็นนางมารร้ายได้เลยครับ”
“เป็นได้สิคะ แต่ทิชาพยายามแล้ว พยายามที่จะขอร้องให้เขาเลิกทำเรื่องพวกนี้กัน แต่ทุกอย่างมันกลับหนักข้อกว่าเดิม” ทิชาร้องไห้บอกว่าตนไม่อยากเป็น...ไม่อยากอยู่อย่างนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตนทน
ไม่ไหวแล้ว...เธอซบหน้ากับฝ่ามือร้องไห้น่าสงสาร
หลังจากทำอาหารเสร็จ ระหว่างกินกันโขงเลียบเคียงถาม ทิชาจึงเปิดใจว่าตนทะเลาะกับคุณแม่มา เรามีทัศนคติไม่ตรงกันแต่ปกติตนจะเชื่อฟังคุณแม่ แต่คราวนี้ตนดื้อ










