ตอนที่ 14
หลวงไกรกับหลวงเทพแน่ใจว่าพระยาพลเทพต้องรู้เห็นให้ข้าศึกมาตั้งค่ายใกล้ป้อมมหาไชย อีกทั้งวันหนึ่งสองพี่น้องพร้อมด้วยพันสิงห์ยังจับคนของพระยาพลเทพได้พร้อมเสบียง แต่ต่อมามันโดนธนูยิงตายทั้งที่หลวงไกรตั้งใจจะเอาตัวมันไปพบเจ้าคุณกลาโหม
หลวงไกรโกรธมากพุ่งไปหาพระยาพลเทพโดยมีหลวงเทพตามติด แต่เมื่อสองคนเค้นถามออกไปก็ไม่ได้ความอะไร นอกจากคำท้าทายจากเจ้าคุณอีกเหมือนเคย
“มันอยู่ตรงหน้าป้อมของท่าน ท่านต้องรู้ว่ามันทำอะไร...ไอ้ที่จะบอกว่าพวกมันอยู่เงียบๆไม่ทำอะไร ปืนก็ไม่ยิงมาแม้แต่ลูกเดียว เราก็เลยอยู่เฉยๆ คอยดูมัน ...บอกอย่างนั้นไม่ใช่วิสัยขุนนางผู้ใหญ่”
“เว้นแต่ขุนนางผู้ใหญ่คนนั้นจะทรยศ”
พระยาพลเทพโกรธหนวดกระดิก แต่แล้วสงบใจมองเยาะเย้ยสองพี่น้อง พูดเสียงเบาลงไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“เออ...กูทรยศ มึงหาหลักฐานมาสิวะ มึงจับหลักฐานไปหลายคนมิใช่รึ”
สองพี่น้องนิ่งอึ้ง รู้ว่าหมดทางเอาผิดพระยาพลเทพ จำต้องผละออกไปอย่างผู้แพ้ หลวงเทพได้แต่บอกน้องชายว่า คงต้องให้เวรกรรมตามมันเอง
“ถ้าเช่นนั้นฉันจะไม่อยู่จนข้าศึกเข้ากรุงหรอก ฉันทนเห็นไม่ได้ ถ้าอยู่ฉันคงถูกฆ่าตาย และการที่คิดหวังไว้ก็จะล้มเหลวเสียหมด พี่เทพเตรียมตัวไว้เถอะ ไปไหน เราก็ต้องไปด้วยกัน”
หลังจากวันนั้นหลวงเทพบอกให้ดาวเรืองรู้ตัวว่าต้องเตรียมหนีไปจากกรุงศรีอยุธยาก่อนข้าศึกจะเข้ากรุงได้ แต่หลวงเทพจะไม่ไปด้วย
“พี่ไปไหนไม่ได้หรอกพ่อไกร ตำแหน่งมหาดเล็กรักษาพระองค์ขุนหลวงหาวัดศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พ่อไกรไม่ได้สัตย์สาบานเช่นพี่ เจ้าเป็นทหารหลวงอยู่กองทะลวงฟัน หน้าที่ออกศึกป้องกันกรุง แต่พี่เป็นมหาดเล็กรักษาพระองค์ พี่จะต้องรักษาสัจจะ คุ้มภัยพระองค์ท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่ พี่ไปไหนลำดวนจะไปด้วย พ่อแม่ลูกไม่แยกกัน พ่อไกรไม่ต้องห่วงพี่ ดูแลปกป้องเมียให้ปลอดภัยยามคับขัน ตามสัญญาให้ไว้กับคุณอาพระเถิด”
หลวงไกรนิ่งงัน หน้าเสียแต่พยายามเข้าใจ ส่วนดาวเรืองน้ำตาทะลักทะลาย หันไปกอดลำดวนซบหน้ากับไหล่ร้องไห้อย่างอดใจไม่ได้ ลำดวนเองก็น้ำตาซึม
“ฉันคงจะไปในไม่ช้า ว่าจะไปสมทบกับเจ้าตาก ท่านอยู่ที่เมืองระยอง”
“ระวังตัวให้มาก ถ้าเจ้าหุนหันมุทะลุ คนน่าสงสารเวทนาไม่ใช่ใคร ดาวเรืองคนเดียว”
“เรา...ฉันกับพี่เทพถ้าเกิดแยกกัน สัญญานะ
พี่เทพ... ดาบบรรพบุรุษสองเล่มที่ได้จะรักษาเท่าชีวิต...
ถึงดาบของพี่เทพจะหัก ก็ขอให้สัญญาเดิม”










