ตอนที่ 5
พอดีทอรุ้งเข้ามาถามเส็งว่าจำตนได้ไหม ตนเป็นเพื่อนภูผา เคยไปที่ร้านโชคดีบ่อยๆ เดือนบอกว่าจำได้
“หนูรู้จักกับพี่เวหาด้วย แต่ทำไมเขาต้องปิดทุกคนว่าคุณลุงคุณป้าไม่ใช่พ่อแม่เขาล่ะคะ”
เส็งตกใจบอกว่าหนูรู้ว่าเราเป็นพ่อแม่ก็อย่าพูดไปนะ เวหาเขามีเหตุผลของเขา ทอรุ้งถามว่าเหตุผลอะไร เดือนโพล่งไปว่า “เขาอายเพื่อนที่มีพ่อแม่เป็นคนจน”
“ทำไมพี่เวหาเป็นคนแบบนี้นะ”
“ออกไปเถอะ ในนี้มันคับแคบ...แล้วอั๊วขอร้องนะ อย่าพูดเรื่องที่หนูรู้ให้ใครฟังล่ะ”
เส็งถือผ้าจะไปเช็ดน้ำข้างนอก ทอรุ้งบอกว่าตนไปเช็ดให้เอง เส็งขอบใจและส่งผ้าให้ ทอรุ้งรับผ้ายิ้มเศร้าๆ ออกไป
ooooooo
เมื่อถึงเวลานัดกับเชิด ภูผาเดินเข้าไปในตรอกที่นัดกันไว้ ไปยืนต่อหน้าเชิดถามว่าพวกพี่จะเอายังไง
ดำขีดวงกลมล้อมทั้งสองคนไว้กลางลาน สันต์ตั้งนาฬิกาวางลงพื้น เชิดถือเชือกมาเส้นหนึ่งพันปลายข้างหนึ่งกับมือซ้ายตัวเองแล้วเหวี่ยงปลายอีกข้างไปให้ภูผา บอกว่า
“ถ้ามึงเอาชีวิตรอดไปได้ มึงจะไปไหนก็ไป”
ภูผานึกถึงวันที่ไปหาหมอนุสราและหมอขอให้เรียกตนว่าป้า ภูผาบอกว่าตนอยากเลิกเป็นนักเลง แต่ถ้าจะออกตนต้องสู้กับเชิดซึ่งตนอาจจะต้องตาย กระนั้นวันนี้ภูผาก็ยังเด็ดเดี่ยว รับปลายเชือกอีกข้างจากเชิดพันมือซ้ายตัวเอง ยังคิดถึงวันที่ไปลาหมอนุสรา เขาฝากหมอว่า...
“คุณหมอ ถ้าผมเป็นอะไรไป ฝากคุณหมอแจ้งข่าวอาม่าและฝากเงินนี้ไปให้อาม่าด้วย ฝากบอกอาม่าว่าอย่าเสียใจที่ผมเลือกจะเป็นคนดี เลือกที่จะเดินออกจากเส้นทางโจรตามคำสอนของอาม่า”
ภูผาพันเชือกเสร็จ คะเนว่าเชือกยาวห่างกับเชิดประมาณ 1 เมตร ภูผาม้วนเชือกกระชับต่างรอจังหวะที่จะพุ่งเข้าใส่กัน ในการต่อสู้มีการตวัดเชือกรัดคอ กระชากเข้าหาเพื่อกระแทกหมัดใส่ เมื่อล้มก็ปล้ำกันที่พื้น ต่างสะบักสะบอม แต่จังหวะหนึ่งเชิดต่อยเปรี้ยงเดียวภูผาก็หมดแรงกระเด็น เชือกหลุดมือลุกไม่ไหว
“หยุด!!” เสียงหมอนุสราที่พุ่งรถเข้ามาร้องห้ามเชิดที่กำลังจะซ้ำภูผาที่หมดแรงอยู่กับพื้น “พอได้แล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเขาสู้ไม่ไหวแล้ว”
สันต์ปรามว่าหมออย่ายุ่งเรื่องของพวกเราดีกว่า หมอนุสราประณามว่าป่าเถื่อน บ้านเมืองมีกฎหมาย จะมาใช้วิธีเถื่อนๆอย่างนี้ได้ยังไง เชิดบอกว่านี่มันวิถีของนักเลง ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป
“งั้นฉันก็ขอเป็นพยานในการต่อสู้ และถ้าใครบาดเจ็บฉันจะได้ช่วยเหลือทัน แล้วนายเชิด ฉันคิดว่านายคงเป็นนักเลงพอ ถ้าภูผาชนะสิ่งที่นายพูดไว้ นายจะต้องไม่คืนคำ”










